“ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” รองประธาน สทท. ชี้ท่องเที่ยวไตรมาส 4 สัญญาณบวก ตลาดระยะไกลฟื้นตัวดี ลุ้นมาตรการรัฐดันไทยเที่ยวไทย หนุนเมืองรองฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมแนะปี 2569 ต้องเปลี่ยนเกม วางแผนการตลาดท่องเที่ยวแบบเจาะลึกเป็นกลุ่มเป้าหมายชัดเจน หลีกหนีการแข่งขันด้วยราคาถูก
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รองประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ภาพทิศทางท่องเที่ยวไตรมาส 4 นี้ ถึงไตรมาส 1/2569 ตลาดต่างชาติมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะตลาดระยะไกล ที่ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมงเป็นต้นไป มีการเติบโตได้ดีมาก ดึงบรรยากาศในภาพรวมกลับมาได้ดีมากขึ้น
ยกตัวอย่างจังหวัดท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต ยอดจองล่วงหน้าเทียบปี 2567 เพิ่มขึ้นกว่า 7-8% แต่ในภาพรวมอาจยังไม่ได้กระจายตัวมากนัก เพราะฐานลูกค้าแต่ละประเทศอย่างยุโรป ไม่ได้นิยมเที่ยวในหลายจังของไทย แต่เที่ยวหลักๆ อยู่บางจังหวัด ทำให้หมุดหมายปลายทางที่ยุโรปเข้ามาเที่ยวในไทยจะบวกหมดแน่นอน
ส่วนตลาดระยะใกล้ถือว่ามีแรงเหวี่ยงขึ้นได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะจีน ที่ตัวเลขกำลังกลับมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะตลาดระยะใกล้อื่นไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว จึงน่าจะรักษาโมเมนตัมได้
นายภูมิกิตติ์ กล่าวต่อว่า ภาพการท่องเที่ยวในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการลุ้นมาตรการกระตุ้นจะมีผลบวกชัดเจนมากเท่าใด อาทิ โครงการคนละครึ่ง พลัส รวมถึงมาตการด้านภาษี หลังที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) อนุมัติแพคเกจการท่องเที่ยวที่กระทรวงการคลังเสนอ 3 มาตรการหลักได้แก่ 1.มาตรการทางภาษี
โดยให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 20,000 บาท โดยมาตรการนี้จะให้สิทธิในการลดหย่อนสำหรับการท่องเที่ยวเมืองหลัก 1 เท่า และเมืองรองให้สิทธิลดหย่อนได้ 1.5 เท่า โดยจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคมนี้
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมและที่พัก โดยให้สิทธิหักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงแรมได้ 2 เท่า สำหรับเมืองรองโดยเฉพาะ โดยให้สิทธิใช้จ่ายได้ถึงเดือนมีนาคม 2569 สามารถนำไปใช้ในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ กาารติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อลดต้นทุนและสร้างความยั่งยืน หรือการจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียได้ โดยต้องประเมินผลหลังมาตรการออกมาแล้ว
รวมถึงโครงการเร่งรัดการจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีงบประมาณอยู่ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนราชการ 3,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 3,000 ล้านบาท ในการอบรมสัมมนา ยังไม่รวมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งไว้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยกำหนดให้เบิกจ่าย 60% ของงบอบรมสัมมนาภายในเดือนมกราคม 2569 แทนที่จะรอจ่ายในไตรมาส 3-4 ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้
โดยเรื่องนี้ถือว่าดีมากและแก้ปัญหาได้ตรงจุด เชื่อว่าจะมีส่วนกระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายในพื้นที่ต่างๆ ได้ แต่มีข้อเสนอจาก สทท. เป็นการปรับอัตราค่าใช้จ่ายของส่วนราชการที่ยังเป็นอัตราเดิมอยู่ โดยเฉพาะค่าอาหารว่าง ซึ่งเข้าใจว่ามีการทบทวนกันตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันต้องมีการปรับเปลี่ยนอัตราดังกล่าว เพราะหลายอย่างเปลี่ยนไป หากสามารถปรับอัตราค่าใช้จ่ายของรัฐได้ จะช่วยสนับสนุนมาตรการที่จะออกมามากขึ้น
“ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยในภาพรวมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน จำนวนติดลบเกือบ 8% รายได้ก็ติดลบเล็กน้อยเช่นกัน ทำให้หากสามารถสร้างแรงดึงดูดเข้ามาเที่ยวไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ดี จะทำให้บรรยากาศที่บวกขึ้นมาแล้วสามารถสร้างแรงเหวี่ยงเพิ่มมากขึ้นอีก ไตรมาสสุดท้ายนี้ตัวเลขน่าจะดูดีขึ้น ทำให้ตัวเลขทั้งปีที่ติดลบก็อาจติดลบน้อยลงได้ ภาคการท่องเที่ยวไทยตอนนี้ถือว่าต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวจากปัจจัยลบต่างๆ อีกสักระยะ” นายภูมิกิตติ์ กล่าว
สำหรับทิศทางปี 2569 เป็นต้นไป ต้องยอมรับว่า การท่องเที่ยวแข่งขันกันสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดึงดูดตลาดต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ซึ่งมีการทำตลาดที่ดุเดือดมากขึ้น ทำให้เราไม่สามารถเดินหน้าท่องเที่ยวไทยแบบเดิมได้แล้ว โดยเฉพาะความธรรมดาทั่วไป ต้องวางกลยุทธ์การดึงนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจนเป็นรายกลุ่ม (เซกเมนต์) ทั้งเชิงอายุ ความต้องการ พฤติกรรมการท่องเที่ยว ทำการบ้านให้ละเอียดในการทำตลาดท่องเที่ยวในระยะถัดไป วางสารเพื่อสื่อสารให้ชัดเจน เราไม่สามารถทำรูปภาพขึ้นมาไม่กี่รูป และคาดหวังให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ต้องวางกลยุทธ์เป็นเซกเมนต์ในทุกระดับ
“หากปี 2569 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางแผนได้อย่างละเอียดในเชิงยุทธ์ศาสตร์ เชื่อว่าประเทศไทยยังสู้ได้ แม้คู่แข่งหลายประเทศจะตีตื้นขึ้นมา แต่ดูแล้วก็ยังใช้กลยุทธ์ความธรรมดาทั่วไปเข้ามาสู้ อาทิ ด้านราคาเป็นตัวกำหนดตำแหน่งการแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยจะต้องหนีการทำตลาดแบบนี้ให้ได้ วางตำแหน่งในการแข่งขันให้ชัดเจน แล้วเดินหน้าไปตามกลยุทธ์ที่แยกย่อยให้ได้มากที่สุด” นายภูมิกิตติ์ กล่าวทิ้งท้าย