“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค. 68 ซึ่งจะเป็นมหกรรมกีฬาที่บรรจุกีฬาแข่งขันมากถึง 50 ชนิดกีฬา ใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และสงขลา ชิงชัยรวม 574 เหรียญทอง โดยซีเกมส์ครั้งนี้ที่บรรจุกีฬาแข่งขันทั้งหมด จะเน้นเรื่องความเป็นมาตรฐานสากล ด้วยความร่วมมือของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ทุกสมาคมที่ร่วมมือกันจัดการแข่งขันครั้งนี้ให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับความคาดหวังผลงานของทุกชนิดกีฬาที่ต้องการผลงานที่ดีที่สุดเช่นกัน อาทิ กีฬาที่เป็นโอลิมปิกสปอร์ต อย่าง เทควันโด, ยกน้ำหนัก, แบดมินตัน ขณะที่กีฬาพื้นฐานอย่าง กรีฑา, ว่ายน้ำ ที่แม้ว่าบางอีเวนต์ อาจจะไม่ได้เหรียญทอง แต่ก็จะต้องทำผลงาน สถิติให้ดีขึ้นกว่าเดิม หรือกีฬายอดนิยม เช่น ฟุตบอล, วอลเลย์บอล โดยเฉพาะ ฟุตบอล ที่เราคาดหวังถึงเหรียญทอง เพราะเป็นเหรียญใหญ่ และแฟนกีฬาต้องการเห็นทีม “ช้างศึก” กลับมาคว้าเหรียญทองให้ได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ฟุตบอลทีมชาย ในซีเกมส์ 2025 “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลชาติไทย ซึ่งมี “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน อยู่ร่วมกลุ่ม A กับ กัมพูชา และติมอร์ เลสเต โดยรอบแบ่งกลุ่ม จะแข่งขันที่สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา

“ทุกเกมในซีเกมส์มีความสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าเราจะเจอกับใคร เพื่อเป้าหมายเดียวคือต้องคว้าเหรียญทองให้ได้ เพราะนี่คือซีเกมส์ในบ้านของเราเอง ถ้าเราได้เก็บตัวและเตรียมทีมด้วยความพร้อมอย่างเต็มที่ ก็มีโอกาสสูงมากที่เราจะทำได้” โค้ชวัง กล่าว

สำหรับทีม “ช้างศึก” คว้าเหรียญทองฟุตบอล ทีมชาย ในซีเกมส์มากที่สุดถึง 16 สมัย และเคยสร้างสถิติยิ่งใหญ่ด้วยการได้เหรียญทอง 8 สมัยติดต่อกัน ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 17-24 (2536-2550) ครั้งล่าสุดที่ ทีมฟุตบอลทีมชายของไทย คว้าเหรียญทองได้คือ ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่มาเลเซีย เมื่อปี 2560 ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ส่วนซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา เมื่อปี 2566 ทีมนักเตะไทย ได้เหรียญเงิน หลังจากแพ้ อินโดนีเซีย รอบชิงชนะเลิศ 2-5.