‘พิพัฒน์’ ผุดออปชั่นเสริมแก้ปมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สั่ง รฟท.ศึกษาสื่อร้างต่อขยา ‘ระยอง – จันทบุรี – ตราด’ หวัง จูงใจเอกชนย้ำไม่แก้สัญญา ไม่เอื้อเอกชนหวังเพิ่มความคุ้มค่า-หนุนท่องเที่ยวอีอีซี สั่งสรุปรายละเอียดภายใน4 เดือน
23 ต.ค. 2568 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา) ว่ามีแนวคิดออปชั่นเสริมเพื่อขยายเส้นทางโครงการออกไปยังจังหวัดระยอง – จันทบุรี-ตราด ซึ่งถือเป็นส่วนต่อขยายใหม่จากปลายทางเดิมที่สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง เพื่อเพิ่มศักยภาพและความคุ้มค่าของโครงการและเป็นแรงจูงใจในการลงทุนโครงการนี้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ จะนัดหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ บริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมกับการดำเนินโครงการนี้ โดยมองว่าการดำเนินโครงการช่วงส่วนต่อขยายจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาไปยังเมืองระยอง จันทบุรี และสิ้นสุดที่ตราด จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีผู้โดยสารมากขึ้น และคุ้มค่าต่อการลงทุนเพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคตะวันออก อาทิ เกาะช้าง และพื้นที่เศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เข้ากับระบบขนส่งหลักของประเทศ
“หากมีการต่อขยายเส้นทางไปจนถึงตราด จะทำให้รถไฟความเร็วสูงไม่ใช่แค่ระบบขนส่งระหว่างสนามบินเท่านั้น แต่จะกลายเป็นโครงข่ายหลักของการเดินทางและการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารและสร้างความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจให้โครงการได้จริง โดยกระทรวงคมนาคมจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและประเมินศักยภาพของโครงการในเชิงพื้นที่“นายพิพัฒน์ กล่าว
สำหรับการเพิ่มออปชั่นต่อขยายดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ใช่การเอื้อเอกชน แต่เป็นการเพิ่มแรงจูงใจ เพื่อให้มีผู้โดยสารเพิ่ม เพราะผู้โดยสารยังสามารถใช้ไฮสปีดเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวภาคตะวันออก และยังจะช่วยเพิ่มผู้โดยสารให้สนามบินอู่ตะเภาอีกด้วย โดยจะมอบหมายให้รฟท.ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของเส้นทางฯ ทั้งในด้านระยะทาง ต้นทุนลงทุน ผลตอบแทน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ใช่เป็นการแก้สัญญา จะเป็นสัญญาใหม่ หรือสัญญาต่อเนื่อง โดยจะไม่กระทบต่อสัญญาฉบับเดิม ตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปเรื่องนี้ภายใน 4 เดือน