เรื่องเล่าอันแสนประทับใจที่สะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะพระราชดำรัสที่ว่า "ไปบอกเขานะคะ พระราชินีจะใช้หนี้ให้" (หรือในบางบันทึก "ไปบอกเจ้าหนี้นะคะ ว่าพระราชินีจะใช้หนี้ให้")
คำกล่าวนี้มีพื้นฐานมาจากประสบการณ์ตรงของ ผศ. นพ. ภากร จันทนมัฏฐะ ผู้เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ติดตามเสด็จฯ ซึ่งยืนยันว่านี่คือคำบอกเล่าจากพยานบุคคลที่ได้ถวายงานใกล้ชิดและน่าเชื่อถือ มิใช่เรื่องเล่าที่ไม่มีที่มา

จากคำบอกเล่าของนายแพทย์ภากร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร แม้พระชนมพรรษาจะมากแล้ว แต่พระองค์ยังทรงพับเพียบประทับนั่งกับพื้นเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เพื่อทรงไต่ถามความทุกข์ยากของผู้ที่มาเข้าเฝ้าฯ อย่างไม่ถือพระองค์
ในครั้งนั้น มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งเผชิญความทุกข์อย่างแสนสาหัส หลังจากสามีได้ทิ้งเธอและลูกเล็กอีก 2 คนไว้ตามลำพัง พร้อมภาระหนี้สินจำนวนมาก เธอได้เข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายผลผลิต
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับสั่งถามว่า “เป็นหนี้เท่าไร” แต่หญิงผู้นั้นกลับไม่กล้าตอบ เพียงทูลว่าหนี้นั้น "มากมายเหลือเกิน" ด้วยความสิ้นหวัง
วินาทีนั้น ผศ. นพ. ภากร ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยินพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา ตรัสกับหญิงผู้นั้นอย่างชัดเจนว่า "ไปบอกเจ้าหนี้นะคะ ว่าพระราชินีจะใช้หนี้ให้"

นายแพทย์ภากรเล่าว่า เมื่อท่านได้ยินเช่นนั้น ท่านถึงกับน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะเป็นภาพที่สะท้อนพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ทรงมองผู้ยากไร้เหล่านั้นในฐานะ "คนไทยที่พระองค์ทรงรัก" และทรงไม่เคยทอดทิ้ง
เหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการช่วยเหลือราษฎรอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการรับซื้อผลผลิตจากชาวบ้านทั้งหมด (ซึ่งบางวันมีมูลค่าหลายล้านบาท) การมอบทุนรอนให้ผู้ยากไร้ แจกขนมให้เด็ก มอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุ และการดูแลผู้ป่วย
เรื่องเล่าดังกล่าวจึงมิใช่เพียงการ "ปลดหนี้" แต่คือการ "ต่อชีวิต" และเป็นหลักฐานยืนยันที่มาจากพยานบุคคลใกล้ชิด โดยนายแพทย์ภากรได้บันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในหนังสือ "ใกล้เบื้องพระยุคลบาท" (หรือฉบับปรับปรุง "เย็นศิระเพราะพระบริบาล") เพื่อถ่ายทอดพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยน้ำพระทัยของพระองค์ท่าน