บุรีรัมย์ ชาวกระสัง สมาชิกส่งเสริมอาชีพกลุ่มศิลปาชีพ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส่งเสริมอาชีพเลี้ยงหม่อนทอไหมนาน 32 ปี ชาวบ้านจากยากจน มีรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว รวมอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมประจำถิ่น สืบสานพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ ‘พระองค์ท่าน’
26 ต.ค. 68 – ชาวบ้านโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หลังทราบข่าวสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้สวรรคต
โครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง ครั้งนั้นประมาณ 32 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงมีการส่งเสริมเกษตรกรที่ยากจนหันมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นรายได้เสริม กระทั่งโครงการฯ เติบโต เกษตรกรมีรายได้เสริมเลี้ยงดูครอบครัวจนถึงทุกวันนี้
นางพันนี นะเรืองรัมย์ อายุ 54 ปี สมาชิกโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า ตอนพระองค์เสด็จครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2536 ที่หมู่บ้านยากจน ตนและชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ้านยาง อ.กระสัง ยากจนมากไม่มีรายได้
จากนั้น พระองค์ท่าน ทรงให้ตั้งกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหม มีสมาชิก ตอนนั้นกว่า 300 คน ต่อมา วันที่ 7 พ.ย. 2546 พระองค์ท่าน เสด็จมาอีกครั้ง ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่ยากจนต่างดีใจ ที่ได้มีอาชีพเสริมจากการทำนา โดยเฉลี่ยปีละกว่า 45,000 บาท หลังทราบข่าว ยอมรับว่า ใจหาย หลังจากนี้ จะยังสานต่อโครงการของพระองค์ท่าน ส่งต่อถึงลูกหลานต่อไป
สำหรับศูลศิลปาชีพอำเภอกระสัง มีเนื้อที่ 117 ไร่ ผลิตใบหม่อนได้ ปีละมากกว่า 70,000 กิโลกรัม และเลี้ยงไหมแล้วนำมาผลิตเป็นเส้นไหมได้ ประมาณ 1,000 กิโลกรัม สมาชิกกลุ่มทอผ้าไหมในโครงการสามารถทอผ้าไหมลายโบราณ
และลายที่ออกแบบขึ้นใหม่ ซึ่งมีความซับซ้อนสวยงาม โดยเฉพาะลาย “หางกระรอกคู่ตีนแดง” ที่เป็นลายประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อนำไปจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนส่งเสริม ได้ช่วยสร้างรายได้ให้ราษฎรในชุมชนมีกำลังในการพัฒนาตนเอง ตลอดจนได้สืบสานและสืบทอดศิลปวัฒนธรรมประจำถิ่น
รวมไปถึงการร่วมกันอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ ไว้ได้สมดังพระราชปณิธาน ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง