ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมประจำทั้งกลางวัน กลางคืน รับพระราชทานฉันเช้า วันละ 8 รูป เพลวันละ 8 รูปและประโคมย่ำยามกำหนด 100 วัน ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง นั้น
สำหรับ ‘พระพิธีธรรม’ คือ สมณศักดิ์ประเภทหนึ่ง (ไม่พระราชทานแก่พระสงฆ์ แต่พระราชทานแก่วัด) พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งจากวัดที่เป็นพระอารามหลวงเป็นส่วนมาก ทั้งนี้ ทางวัดจะแต่งตั้งวัดละ 1 สำรับ สำรับละ 4 รูป เป็นพระพิธีธรรม เพื่อสวดในการบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ เช่น สวดพระอภิธรรมในงานพระบรมศพ พระศพ หรือศพในพระบรมราชานุเคราะห์ สวดอาฎานาฏิยสูตรในพระราชพิธีสงกรานต์ เป็นต้น การนิมนต์พระพิธีธรรมไปสวดในศพของหลวงนั้นจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายพิธี กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
ส่วนพระสงฆ์ที่สวดพระอภิธรรมในงานราษฎร์ทั่วๆ ไป พระสงฆ์ที่สวดภาณยักษ์ และพระสงฆ์ที่สวดพุทธาภิเษก ไม่เรียกว่า พระพิธีธรรม แต่พระพิธีธรรมจะไปสวดในงานราษฎร์ต่างๆ

พระพิธีธรรมเกิดขึ้นในสมัยใดไม่มีบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ชัดเจน หากจะพิจารณาตามที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมีพระวินิจฉัยไว้ว่า ” หม่อมฉันได้ไปเห็นในหนังสือพระราชนิพนธ์พิธี 12 เดือน ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีรายชื่อวัดที่มีพระพิธีธรรมมาแต่เดิม 9 วัด คือ วัดระฆัง วัดมหาธาตุ วัดราชสิทธ วัดพระเชตุพน วัดราชบุรณ วัดสระเกษ วัดโมลิโลก วัดหงส์วัดอรุณ ล้วนเป็นวัดมีในรัชกาลที่ 1 ทั้งนั้น ก็เข้าใจได้ว่าพระพิธีธรรมวัดระฆังเป็นหัวหน้า ด้วยเป็นวัดที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) วัดมหาธาตุอยู่ถัดลงมา ก็ด้วยเป็น ที่สถิตของสมเด็จพระวันรัต (สุข) พระพิธีธรรมวัดสุทัศน์เพิ่มขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 3 และเลิกพระพิธีธรรมวัดโมลีโลกเปลี่ยนมาเป็นวัดบวรนิเวศเมื่อรัชกาลที่ 4 จึงมีพระพิธีธรรม 10 สำรับเช่นเป็นอยู่ทุกวันนี้ และพึงเห็นได้ต่อไปว่าพระพิธีธรรมมีขึ้นสำหรับสวดอาฏานาฏิยสูตรในพิธีตรุษต่อ กัน 9 สำรับ พรรุ่งสว่างคงจะหวุดหวิดบ้าง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้เพิ่มพระพิธีธรรมวัดสุทัศน์ขึ้นอีกวัด 1 ถึงรัชกาลที่ 4 จะเป็นแต่เพิ่มพระพิธีธรรม วัดบวรนิเวศขึ้น ก็จะมากเกินการจึงโปรดให้เปลี่ยนพระพิธีธรรม วัดโมลีโลกมาเป็นวัดบวรนิเวศ และมิได้มีการเพิ่มเติม ต่อมา”
เมื่อพิจารณาตามพระวินิจฉัยนี้จะเห็นได้ว่า ได้มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ปฏิบัติหน้าที่สวดในงานพระราชพิธีมาแต่โบราณกาล ทั้งยังได้มีการเปลี่ยนแปลงพระพิธีธรรมเพื่อให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานอีกด้วยเช่น การเพิ่มพระพิธีธรรมวัดสุทัศน์ และการเปลี่ยนแปลงพระพิธีธรรม วัดโมลีโลกมาเป็นวัดบวรนิเวศ เป็นต้น แต่จะเรียกพระสงฆ์ที่ปฏิบัติหน้าที่สวดนั้นว่าอย่างไร และเริ่มมีการเรียกว่า พระพิธีธรรม แต่ครั้งใด ยังไม่ปรากฏชัด อย่างไรก็ตาม คำว่า พระพิธีทำ ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า พระพิธีธรรม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้เปลี่ยนนั้น น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ที่ทรงโปรดให้ตั้งพระพิธีธรรมประจำพระอารามต่างๆ

พระพิธีธรรมในอดีตและในปัจจุบัน มีเฉพาะแต่ในพระอารามหลวงเท่านั้น จะเป็นด้วยเหตุที่พระอารามเหล่านั้นตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง สะดวกในการนิมนต์มาสวดในงานของหลวงก็อาจเป็นได้เพราะการเดินทางในสมัยก่อนมีความลำบาก อีกประการหนึ่ง คือพระสงฆ์ที่ประจำอยู่ในพระอารามหลวงเป็นผู้รอบรู้ขนบธรรมเนียมงานหลวง รู้วิธีการสวดวิธีการประกอบพิธีต่างๆ ดี
ดังนั้น พระพิธีธรรม จึงต้องเป็นพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถมีความชำนาญในการสวดกับทั้งต้องรู้ระเบียบปฏิบัติในงานหลวง พระสงฆ์ที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวได้ ต้องมีใจชอบ ต้องมีมานะอดทน ขยันในการฝึกหัดฝึกซ้อม เพื่อว่าในเวลาที่จะต้องไปปฏิบัติพิธีการพระศพ ศพในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชานุเคราะห์ พระอนุเคราะห์จะได้ไม่ขัดข้อง การที่พระมหากษัตริย์มิได้โปรดพระราชทานตำแหน่งพระพิธีธรรมแก่พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง ก็เพื่อสะดวกในการเฟ้นหาพระสงฆ์ที่มีความสามารถ และชำนาญในการพิธี ปัจจุบันการแต่งตั้งพระสงฆ์เป็นพระพิธีธรรม เป็นอำนาจของเจ้าอาวาสในพระอารามนั้น ที่จะพิจารณาพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถและความชำนาญในการสวดไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อจัดสรรนิตยภัตถวายในตำแหน่งพระพิธีธรรมประจำพระอาราม พระสงฆ์ที่รับนิตยภัตตำแหน่งนี้มีจำนวนพระอารามละ 4 รูป และเมื่อพระพิธีธรรมที่ได้รับแต่งตั้งย้ายไปอยู่ที่อื่น ต้องลาออกจากตำแหน่ง ลาสิกขา มรณภาพ เจ้าอาวาสก็จะพิจารณาคัดเลือกพระสงฆ์เป็นพระพิธีธรรมแทนรูปที่ขาดไป

ปัจจุบันนี้ตำแหน่งพระพิธีธรรมที่ตั้งไว้ประจำพระอารามต่างๆ มีจำนวน 10 พระอาราม ดังนี้ 1.พระพิธีธรรมวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 2. พระพิธีธรรมวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ 3. พระพิธีธรรมวัดสุทัศนเทพวราราม 4.พระพิธีธรรมวัดบวรนิเวศวิหาร 5.พระพิธีธรรมวัดสระเกศ 6.พระพิธีธรรมวัดราชสิทธาราม 7.พระพิธีธรรมวัดระฆังโฆสิตาราม 8.พระพิธีธรรมวัดจักวรรดิราชาวาส 9.พระพิธีธรรมวัดประยุรวงศาวาส 10.พระพิธีธรรมวัดอนงคาราม
ในพระอารามหนึ่งๆ แม้จะมีพระพิธีธรรมประจำพระอารามได้เพียง 4 รูป แต่ก็มิได้ตัดสิทธิ์ที่พระสงฆ์รูปอื่นๆ จะฝึกหัดสวดทำนองสวดของพระพิธีธรรมสวด ทั้งนี้ก็เพื่อสำหรับทดแทนพระพิธีธรรมที่ขาดไปบ้าง เพื่อสืบทอดวิธีการและทำนองสวดของแต่ละพระอารามมิให้สูญหายไปกับกาลเวลา และเพื่อให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม
นอกจากนี้ พัดพระพิธีธรรม การสวดในงานพิธีศพต่างๆ พระสงฆ์นิยมใช้พัดตั้งตรงหน้าในขณะทำการสวด โดยพระพิธีธรรมมีพัดประจำตำแหน่ง ที่เรียกว่า พัดพระพิธีธรรม ใช้ตั้งตรงหน้าเวลาสวด พัดพระพิธีธรรมนี้มีจำนวน 4 ด้าม ลักษณะเป็นพัดหน้านาง แต่ละด้ามมีสีต่างๆ กัน คือ สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว เป็นผ้าแพร สีพื้นเหมือนกันทั้งสองด้าน ปักไหมทองเป็นลักษณะคล้ายรัศมีจากใจกลางพัด ด้ามเป็นไม้ลักษณะตับคาบใบพัดไว้ ตรงกลางทำไม้เป็นแผ่นรูปวงกลมรี แกะตัวอักษร ด้วยมุกคำว่า พระพิธีธรรม แล้วฝังลงในเนื้อไม้ ยอดพัดและส้นพัด เป็นงา (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นวัสดุคล้ายงาแล้ว)
พัดพระพิธีธรรมนี้ เมื่อใช้ในขณะสวดจะมีวิธีนั่งสวดและเรียงพัดเป็น 2 แบบ ได้แก่ เรียงตามลำดับศักดิ์ของพัดยศ และเรียงตามคู่ การเรียงตามลำดับศักดิ์ของพัด คือ สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว โดยสีเหลือง สำหรับแม่คู่รูปที่ 1 สีแดง สำหรับแม่คู่รูปที่ 2 สีน้ำเงิน เคียงแม่คู่รูปที่ 1 สีเขียว เคียงแม่คู่รูปที่ 2
