‘ไอติม’ปลื้ม! หลัง พ.ร.บ.ประชามติมีผลบังคับใช้ เดินหน้าชำเรารธน.-ยุบสภา เป็นไปตาม MOA
GH News October 28, 2025 01:09 PM

28 ต.ค. 2568- ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไทม์ไลน์เรื่องการทำประชามติออกมาแล้ว การยุบสภาและการเลือกตั้งจะยังเป็นไปตามเดิมหรือไม่ ว่า หลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ ประกาศใช้ ทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจ ว่าทุกอย่างจะสามารถเดินตามได้ตามไทม์ไลน์ คือต้องมีการยุบสภาภายในวันที่ 31 ม.ค. 69 พร้อมนำไปทำประชามติและการเลือกตั้งทั่วไป โดยคาดหวังว่าการทำประชามติจะแบ่งออกเป็น 2 คำถาม ซึ่งคำถามที่ 1 จะเป็นคำถามเปิดกว้างว่าเห็นควรว่าจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และคำถามที่ 2 เห็นด้วยหรือไม่กับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และท้ายที่สุดสภาก็จะต้องเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ภายในเดือนธ.ค. ซึ่งในชั้นกมธ.ฯ เราก็ตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด หากสามารถเสร็จได้ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 12 ธ.ค. ก็อาจจะมีการพิจารณาในเรื่องของการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 อย่างไรก็ตามในชั้นกมธ.ฯ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาหาข้อสรุป และฉันทามติสำหรับทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านวาระ 3 ได้ ไม่ใช่แค่ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา แต่ต้องได้เสียง 20 เปอร์เซ็นต์ของสส. ที่ถูกนิยามว่าเป็นฝ่ายค้าน และเสียง 1 ใน 3 ของสว.

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นที่ตนมีความเป็นห่วงส่วนตัวเกี่ยวกับการทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง คือการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยเฉพาะการออกเสียงประชามติล่วงหน้า ซึ่งตนไม่มั่นใจว่าการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ แต่ตนในฐานะคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ เคยมีการเชิญกกต. มาหารือ และความท้าทายในขณะนี้คือพ.ร.บ. ประชามติ ไม่ได้มีการพูดถึงการเลือกตั้งล่วงหน้าภายในราชอาณาจักรอย่างชัดเจน ฉะนั้น เป้าหมายของเราคือการหารือกับกกต. ว่าจะทำอย่างไร ในการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนวันเลือกตั้งจริงที่จะมีการเลือกตั้งสส.ล่วงหน้า ประชาชนจะออกไปใช้สิทธิ์ สามารถออกเสียงประชามติล่วงหน้าได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มากที่สุด ซึ่งตนเคยเสนอไว้ว่ามีช่องทางที่กกต. สามารถใช้และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย คือการออกเสียงทางไปรษณีย์ ในลักษณะที่ประชาชน ไปสถานที่เดียวที่ต้องมีการเลือกสส.ล่วงหน้าแต่เมื่อถึงสถานที่นั้นแล้ว ในส่วนของประชามติอาจจะเป็นการหย่อนบัตร โดยการจัดส่งบัตรนั้นไปที่หน่วยด้วย เป้าหมายของเราคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนที่ไม่ว่าจะลงคะแนนในวันจริงหรือเลือกตั้งล่วงหน้า สามารถเลือกตั้งสส. และทำประชามติไปพร้อมกันได้

เมื่อถามว่า ในการประชุมครั้งถัดไปวาระที่จะมีการพูดคุย ในกมธ.ฯ จะเป็นเรื่องอะไรบ้าง นายพริษฐ์ กล่าวว่า เนื้อหาสาระโดยเฉพาะประเด็นเรื่องโมเดลสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) คงเป็นห่วงข้อหลักที่จะมีการพูดคุยกัน เพราะทั้ง 2 ร่างที่สภารับหลักการยังมีความแตกต่างกันอยู่ โดยเราจะมีการพูดคุยกันในวงย่อยหรือที่เรียกว่าคณะทำงาน ที่จะมีการประชุมกันนัดแรกในบ่ายวันนี้ ซึ่งจะเป็นการนำเอาเนื้อหาที่ยังมีความเห็นต่าง มาหารือตลอดทุกฝ่ายว่ามีความเห็นในแต่ละทางเลือกอย่างไร เพื่อนำไปจัดกรอบประเด็นและนำไปเสนอ ที่ประชุมกมธ. ช่วงปลายสัปดาห์ เพื่อให้กระบวนการต่างๆสามารถดำเนินการให้เร็วที่สุด

ถามว่า มีการพูดคุยใช่หรือไม่ว่าโมเดลส.ส.ร. ที่จะออกมาจะต้องไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายพริษฐ์ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะมีความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ออกมา ต้องไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแค่อาจมีบางฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่างกันอยู่ว่าจะตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราต้องมีการพิจารณา แต่อีกมุมหนึ่งเราต้องคิดถึงกลุ่มกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญไม่ได้ผูกขาดกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นอกเหนือจากนั้น การทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลถือเป็นเรื่องสำคัญ และการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงหลักการและการป้องกันผูกขาด ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

ซักว่าโมเดลของส.ส.ร. ที่จะออกมาจะเป็นการผสมผสานระหว่างสูตรของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมา ต้องเป็นผลลัพธ์ที่เป็นฉันทามติจากทุกฝ่ายในสภารวมถึง เราต้องมองด้วยว่าร่างดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบจากประชาชนจากการทำประชามติหรือไม่ ซึ่งถือเป็นโจทย์หลัก ที่เราต้องคุยกันว่าจะหาฉันทามติร่วมกันอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ถึงเรื่องการทำรัฐธรรมนูญที่ไม่ผ่านการทำประชามติมองว่าจะทำให้การพิจารณาในชั้นกมธ.ฯ ชะงักหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมองว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เราดำเนินการอยู่ไม่ได้มีอะไรติดขัดกับคำวินิจฉัย หากกระบวนการทำประชามติที่ศาลวินิจฉัยออกมาว่าจะต้องทำ 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สามารถทำรวมกันได้ ตนคิดว่าทุกฝ่ายในสภาฯ ก็เห็นตรงกันว่าไม่ได้ขัดคำวินิจฉัย แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะใช้กลไกต่างๆ ที่กฎหมายรองรับ ทั้งนี้ ตนมั่นใจสิ่งต่างๆที่ทำอยู่ไม่ได้ขัดคำวินิจฉัย

เมื่อถามย้ำว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันยังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิม นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่ารัฐบาลยังคงยืนยันอยู่ว่าจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ และคิดว่าในบรรดาบัตรเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่อาจยังไม่ได้รับความชัดเจนมากที่สุด คือเรื่องของการทำประชามติเรื่อง MOU ว่าตกลงแล้วรัฐบาลจะตอบคำถามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ว่าจะทำอย่างไรหากมีการทำประชามติเรื่องนี้จริง จะมีคำถามกี่ครั้ง จะแยกคำถามระหว่าง MOU 43 และ MOU 44 หรือไม่ รัฐบาลจะวางกระบวนการอย่างไร ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่รอบด้านเพื่อตัดสินใจได้ แต่ต้องไม่ให้กัมพูชารับรู้ข้อมูลที่อาจได้เปรียบหรือเสียเปรียบของไทยในเวทีเจรจา รวมถึงรัฐบาลมีแผนหรือไม่ว่าหากมีการทำประชามติและมีการยกเลิก MOU กลไกอะไรในระดับทวิภาคีมารองรับหรือไม่

ถามถึงการทำประชามติเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องเริ่มจากรัฐสภา จะสามารถเริ่มได้เมื่อไหร่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ประชามติเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมี 2 คำถาม โดยคำถามที่ 2 จะเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่รัฐสภามีมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่อยู่ในชั้นกรรมาธิการในวาระ 3 ขณะเดียวกันขณะนี้เราก็มีการหารือถึงคำถามครั้งที่ 1 ถึงที่มาของการทำประชามติครั้งที่ 1 ว่าเป็นมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือเป็นมติของรัฐสภาส่งไปที่ครม. หากใช้มติของครม. ตนคิดว่าไม่มีอะไรซับซ้อน หากจะใช้มติของรัฐสภาก็สามารถขอมติวันเดียวกันกับการลงมติวาระที่ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็น การใช้มติของครม. หรือรัฐสภา ก็ไม่ได้มีอะไรที่กระทบต่อเวลาเป็นไปตามกรอบที่วางไว้ทั้งหมด

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าด้วยสถานการณ์การเมืองและบริบทของประเทศไทยในขณะนี้ จะมีความเหมาะสมหรือไม่หากมีการเลือกตั้งในปีหน้า นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่ารัฐบาลยังคงมีแผนที่จะเดินหน้าตามกรอบเวลา และการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการเดินหน้าสู่กรอบเวลาที่วางไว้นั้น ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้มีท่าทีว่าจะไม่ดำเนินการ สามารถเดินหน้าต่อได้ ถามต่อว่าได้มีการหารือกับรัฐบาลหรือพรรคภูมิใจไทยเพิ่มเติมหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องของกรอบเวลาคงไม่ได้มีการหารือเพิ่มเติม เพราะเข้าใจว่าเป็นกรอบเวลาที่รัฐบาลได้ประกาศไว้แล้ว.

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.