“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงผลงานของนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนยูธเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศบาห์เรน ซึ่งแข่งขันมาตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 68 และจะมีพิธีปิดการแข่งขันในวันที่ 31 ต.ค. 68 โดย กกท. ร่วมกับ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ส่งนักกีฬา 330 คน เข้าร่วมการแข่งขัน 24 ชนิดกีฬา ว่า ผลงานโดยรวมของทัพนักกีฬาเยาวชนไทย ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก

ดร.ก้องศักด ระบุต่อว่า หลายชนิดกีฬาเราทำผลงานได้ยอดเยี่ยม เช่น เทคบอล ที่เข้าชิงชนะเลิศ 5 ประเภท และคว้ามาได้ 4 เหรียญทอง, มวยไทย ก็ทำได้ 4 เหรียญทอง เช่นกัน ส่วน เทควันโด ทั้งประเภทต่อสู้และท่ารำ ได้ 3 เหรียญทอง ขณะที่ กรีฑา และ อีสปอร์ต คว้ามาได้กีฬาละ 1 เหรียญทอง โดยเฉพาะ กรีฑา ธนกร แดงมณี ที่ได้เหรียญทองกระโดดค้ำชาย ทำได้ 5.00 เมตร เป็นสถิติใหม่ของการแข่งขันด้วย ผลงานเหล่านี้สะท้อนได้ว่าเราพัฒนานักกีฬาระดับเยาวชนมาถูกทาง ซึ่ง กกท. พร้อมสนับสนุนส่งเสริมนักกีฬาเยาวชนอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดไปสู่การแข่งขันรายการอื่น ๆ ได้อีกมากมาย

“ผลงานของนักกีฬาเยาวชนไทย ในเอเชียนยูธเกมส์ 2025 ครั้งนี้ ถือว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เราอยู่ในหัวแถวของตารางเหรียญรางวัลรวม และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน” ดร.ก้องศักด กล่าว

สำหรับผลงานนักกีฬาไทย ในศึกเอเชียนยูธเกมส์ ครั้งที่ 3 จนถึงวันที่ 28 ต.ค. 68 นั้น คว้ามาได้แล้ว 13 เหรียญทอง, 13 เหรียญเงิน และ 8 เหรียญทองแดง อยู่อันดับ 3 ของตารางเหรียญรวม ขณะที่ จีน ครองอันดับ 1 ทำไปแล้ว 48 เหรียญทอง, 35 เหรียญเงิน และ 18 เหรียญทองแดง ขณะที่ อันดับ 2 อุซเบกิสถาน 19 เหรียญทอง, 5 เหรียญเงิน, 17 เหรียญทองแดง ส่วนอันดับ 4 คาซัคสถาน 12 เหรียญทอง, 15 เหรียญเงิน, 23 เหรียญทองแดง และอันดับ 5 อิหร่าน 12 เหรียญทอง, 11 เหรียญเงิน, 21 เหรียญทองแดง