 
            มาม่า ชี้ทางรอดธุรกิจปี’69 ไม่ประมาท อย่าบ้าเลือด ลงทุนเกินตัว คุมต้นทุนให้อยู่
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเด้นท์ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนาหัวข้อ “ปีนี้รอดมาได้อย่างไร…ปีหน้าเติบโตอย่างไรให้มั่นคง?” ในงานเดลินิวส์ ทอล์ก 2025 ว่า ต้นทุนหลักของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคือ แป้งสาลี น้ำมันปาล์ม มีการขึ้นลงตลอด แต่ไม่ได้ขึ้นทั้งหมด ซึ่งสองครั้งล่าสุด ที่มาม่าขอขึ้นราคา เมื่อปี 2551 ขึ้นจากซองละ  5  บาท เป็น 6 บาท เพราะแป้งสาลี และน้ำมันปาล์ม ปรับขึ้นเกือบ 2 เท่า ถ้าไม่ปรับราคาเราจะขาดทุนกว่า 300 ล้าน ต่อมาปี 2565 มีความผันผวนอีก
เกิดวิกฤตราคาน้ำมันปาล์มขึ้นราคาเป็น 40-50 บาท แป้งสาลีก็ขึ้นจึงขอขึ้นราคาเป็นซองละ 7 บาท เป็นการปรับราคาในรอบ 14 ปี หลังจากก็ทรงๆ ซึ่งภาครัฐอยากให้น้ำมันปาล์มราคาไม่ต่ำ เพราะต้องดูแลเกษตรกร แต่ก็ไม่อยากให้มาม่าราคาสูง ก็ต้องมีจุดบาลานซ์ มีการบริหารจัดการต้นทุนล่วงหน้า จะได้รู้ว่าจะกำไร ขาดทุนเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้ปัญหาที่เข้ามาทำให้มีวิกฤตหรือส่งผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้ต้องขึ้นราคา กระทบผู้บริโภค
ส่วนตลาดบะหมี่พรีเมียม ถือว่าเป็นตลาดที่เป็นโอกาสของผู้เล่นใหม่ๆ จากต่างประเทศเข้ามาทำให้ตลาดยังโต เพราะไม่มีใครลงมาเล่นตลาดแมส เพราะไม่มีกำไร ถ้าผลิตไม่ได้ปีละ 500 ล้านซอง ก็ทำไม่ได้หรอก ซึ่งตลาดแมสทำยาก แต่ที่ตลาดพรีเมียมโต เพราะมีผู้เล่นต่างประเทศเข้ามา สิ่งสำคัญคือ การจัดการต้นทุน ต้องบริหารต้นทุนให้ดี
ทั้งนี้ วิกฤตจะเกิดขึ้นคือ บริษัทที่ไม่มีการเตรียมรับกับปัญหามากพอ แต่บริษัทที่มีอายุมากอย่างมาม่าที่ผ่านมาหลายวิกฤตจะมีวิธีการรับมือ เรามี 2-3 เครื่องยนต์ในการสร้างรายได้ จากการขายในประเทศ การส่งออกและการนำเงินลงทุนในธุรกิจอื่นที่ได้ผลตอบแทน ทำให้รับมือปัญหาในวิกฤตได้
“ถามว่าปีนี้แย่กว่าโควิดอีกหรือไม่ สถานการณ์สอนเราให้รู้อย่างหนึ่ง มีโควิดว่าแย่แล้ว ปีนี้แย่กว่าโควิดอีก แต่อย่าลืมว่า ปีนี้อาจจะเป็นปีที่ดีสุดในอีก 3 ปีข้างหน้าก็ได้ แย่กว่าโควิดก็มี แย่กว่าปีนี้ไม่ใช่ว่าไม่มี ซึ่งปี2569 ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลยบ่งชี้ว่าจะดีขึ้น 100% ต้องไม่ประมาท ให้ระวังเรื่องต้นทุนให้ดี ถ้ารู้ต้นทุนจะไม่เล่นสงครามจนเกินตัว แข่งขันจนเกินตัว จนเงินสดไม่พอ จนกู้มาแข่ง ตรงนี้อันตราย ดังนั้นต้องไปอย่างระมัดระวัง โอกาสมีแต่ต้องอยู่รอดได้ เราผ่านวิกฤตมาหลายรอบ แต่นักธุรกิจใหม่ ภูมิต้านทานยังไม่มี อย่าบ้าเลือดจนเกินไป ปัจจุบันความยากของธุรกิจคือ อยู่รอดในธุรกิจนี้ได้ไหม ซึ่งต้องอยู่อย่างไม่ประมาทถึงจะแข่งได้ อยู่รอดได้ก่อน ถึงจะเติบโตได้ อยู่ให้ยั่งยืนต้องค่อยๆไป อย่าบ้าเลือด อีซี่มันนีไม่มีอยู่จริง ไม่ต้องเชื่อใคร ลงแข่งในตลาดที่มีความพร้อมและถนัดดีกว่า”
ทั้งนี้ หัวใจของการอยู่รอดของธุรกิจ คือบริหารต้นทุน เงินสด คน ทั้ง 3 เรื่องนี้คือหัวใจหลัก บริษัทใหม่จะสำเร็จและอยู่รอดได้ ต้องรู้ต้นทุนอยู่จุดไหน จะอยู่ได้อย่างไร ต้องสปีด มีกำไร อยู่อย่างมีความสุข ต้องบาลานซ์ มองอะไรสั้นๆ ไม่ได้
“สุดท้ายไม่ว่าปีหน้าหรือปีไหนๆ ทุกสภาวะเศษฐกิจ วันที่เศรษฐกิจดีมากๆก็มีคนแพ้ ไม่ดีก็มีคนชนะ อยู่ที่ความพร้อม ไม่ต้องสนใจปีหน้าจะเป็นยังไง แต่จะอยู่ยังไงมากกว่า ต้องไม่ประมาท บริหารเงินสดดีๆ จะรอด ชนะหรือแพ้อยู่ที่ตัวเอง ผมกินบะหมี่ทุกยี่ห้อ ไม่กลัวคู่แข่ง การแข่งขันที่เกิดขึ้น สุดท้ายประโยชน์ก็ตกอยู่กับผู้บริโภค”