‘พิพัฒน์’ ลงพื้นที่สงขลา เร่งเครื่องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครบทุกมิติ ‘ถนน–ราง–น้ำ–อากาศ’ครบวงจร เร่งสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา สั่งปรับโฉมสนามบินหาดใหญ่ ศึกษาเพิ่ม ’ตู้ละหมาด‘รองรับผู้โดยสารมุสลิม ลั่น 4 เดือนเห็นผลจริง
1 พ.ย.2568-นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขับเคลื่อนนโยบายด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อบูรณาการแผนงานของทุกหน่วยงานในสังกัด ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ว่า จังหวัดสงขลาเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจและคมนาคมของภาคใต้ตอนล่าง” เชื่อมโยงการค้า การท่องเที่ยว และการขนส่งระหว่างประเทศกับมาเลเซีย กระทรวงคมนาคมจึงเร่งผลักดันแผนพัฒนาในทุกมิติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด “4 เดือนเห็นผลจริง เพื่อพี่น้องสงขลา”
สำหรับมิติทางถนน เชื่อมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าชายแดน มอบให้ กรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งดำเนินโครงการสำคัญในจังหวัดสงขลา อาทิ โครงการทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ด้านตะวันออก) ตอนบ้านพรุ–สนามบินหาดใหญ่ ระยะทาง 7.18 กม. เพื่อบรรเทาการจราจรในเขตเมือง มอบหมายปลัดกระทรวงเร่งเรื่องเวนคืน และให้กรมทางหลวงเดินหน้าก่อสร้างทันที โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมอำเภอกระแสสินธุ์ (สงขลา) – อำเภอเขาชัยสน (พัทลุง) ระยะทางกว่า 7 กม.
“ซึ่งจะลงนามสัญญาภายในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมศูนย์อนุบาลปลาโลมา เพื่อดูแลสัตว์น้ำในทะเลสาบ :ถนนสาย Riviera ของกรมทางหลวงชนบท เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย เปิดเส้นเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้องชายฝั่งได้ค้าขายและท่องเที่ยวได้สะดวก ถนนเชื่อมต่อหาดชลาทัศน์ – เขาเก้าเส้ง และ ถนนเชื่อมด่านสุไหงโก-ลก สู่มาเลเซีย เพื่อรองรับการค้าชายแดน”นายพิพัฒน์ กล่าว
ส่วนมิติทางราง รถไฟคู่ ระบบรางสมัยใหม่ เมืองแห่งการเดินทาง โดย กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความคืบหน้าโครงการสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กม. โครงการรถไฟหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. รองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การพัฒนาสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ และสถานีปาดังเบซาร์ ให้เป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้า (Container Yard) เชื่อมเครือข่ายกับด่านชายแดน
ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ยังสั่งการเพิ่มเติมให้ ศึกษาการติดตั้ง “ตู้ละหมาด” สำหรับผู้โดยสารมุสลิม ในสถานีรถไฟและท่าอากาศยานหลักของภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องชาวมุสลิมที่ต้องเดินทางจำนวนมากในแต่ละวันภาคใต้เป็นพื้นที่ที่พี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่มาก การเดินทางต้องสะดวกและเคารพความเชื่อทางศาสนา ตู้ละหมาดจะเป็นอีกหนึ่งบริการที่อยากให้เกิดขึ้นจริง”
ในส่วนของมิติทางน้ำ ยกระดับท่าเรือสงขลา สู่โลจิสติกส์ชายฝั่ง โดย กรมเจ้าท่า (จท.) รายงานผลการขุดลอกร่องน้ำและบำรุงรักษาท่าเรือชายฝั่งสงขลา รวมถึง ท่าเรือสงขลา เพื่อรองรับเรือสินค้าและเรือท่องเที่ยว โครงการศึกษาพัฒนา ท่าเรือรองรับเรือสำราญ (Cruise Port สงขลา) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง นอกจากนี้ ยังมีแผนก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณ ปากน้ำเทพา และการขุดลอกร่องน้ำต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินเรือและการประมง
สำหรับมิติทางอากาศ พัฒนา สนามบินหาดใหญ่ สู่ประตูการบินภาคใต้ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายงานว่า ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เตรียมปรับแผนแม่บทการพัฒนา (พ.ศ. 2573–2577) เพื่อขยายอาคารผู้โดยสาร ลานจอดอากาศยาน และคลังสินค้าใหม่
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ทุกโครงข่ายคมนาคมของสงขลา ไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางราง ทางน้ำ หรือทางอากาศ จะต้องพัฒนาไปพร้อมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม ขอให้พี่น้องสงขลาเชื่อมั่นว่า รัฐบาลนี้จะทำให้เห็นผลจริงใน 4 เดือน ทั้งสะพาน ถนน ราง เรือ และเครื่องบิน เราจะทำให้สงขลาเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ตอนล่างอย่างแท้จริง
นายชยธรรม์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลนำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อประชาชน โดยไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะโดยกระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาครอบคลุมทุกระบบขนส่ง ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพื่อให้ประชาชน และสินค้าสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย หากดำเนินการครบตามแผน จะช่วยลดปัญหาการจราจรและต้นทุนขนส่งของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม