‘พิพัฒน์’ ปิ๊งมาตรการลดค่าครองชีพ ลุยลดค่าทางด่วน 50 บาทตลอดสายทุกเส้นทาง มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน พ่วงนโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน ใช้ได้ครบทุกสีทุกสาย เล็ง ถก ‘คลัง’ เคาะซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าขีดเส้นจบ 6 พ.ย.นี้ ก่อนชง ครม. 25 พ.ย. 68
3 พ.ย.2568-นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งดำเนินการศึกษาข้อมูลแนวทางรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าแบบองค์รวม (Single Ownership) เพื่อให้บริการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” ครอบคลุมกับโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย นอกเหนือจากรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วง ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2568 – 30 พ.ย. 2569 โดย รฟม. จะต้องไปดำเนินการศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน ทั้งเรื่องเงินชดเชย เรื่องการซื้อคืนสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าจากเอกชนกลับมาเป็นของรัฐบาล ซึ่งจะต้องไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลังด้วย
ทั้งนี้ รฟม. จะต้องสรุปผลการศึกษาเสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคมในวันที่ 6 พ.ย.นี้ จากนั้นในวันที่ 11 พ.ย. 2568 จะเสนอไปยังที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ครั้งที่ 2/2568 ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 25 พ.ย. 2568 เพื่อให้เริ่มดำเนินการได้ทันภายในรัฐบาลชุดนี้
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นการซื้อคืนสัมปทานโครงการรถไฟฟ้า เมื่อกลับมาเป็นของรัฐบาลแล้ว จะใช้วิธีว่าจ้างให้เอกชนเข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการและเดินรถ ส่วนการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับซื้อคืนสัมปทานนั้น ได้เน้นย้ำว่า จะต้องไม่สร้างผลกระทบต่อภาระหนี้สาธารณะ ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Chage) เพื่อนำเงินมาใช้ซื้อคืนสัมปทาน ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่ง แต่มองว่า อาจจะต้องใช้ระเวลาในการดำเนินการนานเกินไป จึงอาจจะต้องใช้แหล่งเงินทุนจากช่องทางอื่น หรืออาจจะวิธีการกู้เงินมาดำเนินการก่อน
อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราค่าโดยสาร 40 บาทตลอดสาย จะช่วยลดภาระค่าเดินทางของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งช่วยให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางเป็นทางเลือกหลักของประชาชนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งช่วยลดมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วย
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะที่นโยบายแพ็คเกจลดค่าครองชีพในการเดินทางของประชาชน ขณะนี้ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการ เบื้องต้นเตรียมลดค่าผ่านทางพิเศษ (ทางด่วน) ทุกเส้นทางในอัตราสูงสุดไม่เกิน 50 บาทตลอดสายต่อครั้ง คาดว่า จะสามารถประกาศใช้เป็น “ของขวัญปีใหม่” ให้กับประชาชนได้ภายในสิ้นปี 2568 อย่างแน่นอน ทั้งนี้ แพ็คเกจดังกล่าว จะยังไม่รวมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เนื่องจากมีโครงสร้างค่าผ่านทางที่แตกต่างกัน