8ไฮไลต์ ‘อาหารอนาคต’ ปี2569 หนุนส่งออกยืนหยัด1.7แสนล้าน
GH News November 05, 2025 11:20 AM

จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชี้่ว่าพฤติกรรมการบริโภคที่ให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น คนปัจจุบันไม่ได้เลือกแค่ “อิ่มท้อง” แต่ต้อง “สุขภาพดี” ด้วย ดังนั้น แนวโน้มทิศทางของตลาดอาหารเพื่อการบริโภคถือว่ายังอยู่ในช่วงปรับตัวอยู่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-Based) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น และเป็นส่วนสำคัญต่อการผลักดันธุรกิจร้านอาหารของไทยเติบโตเกิน 5% และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 5 แสนล้านบาท

ขณะที่สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย โดย นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคม ระบุไว้ว่า แม้ปัจจัยภายนอกต่อการทำธุรกิจและการส่งออกของไทย ยังต้องเผชิญกับความผันผวนจากความไม่แน่นอนทางการค้า โดยเฉพาะนโยบายภาษีของสหรัฐ ภายใต้แนวคิด America First ของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะยังเป็นความเสี่ยงสำคัญส่งผลต่อการส่งออกไทย ที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมปรับกลยุทธ์ และรับมือกับความไม่แน่นอนให้ได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามแนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารอนาคตของไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2568 สมาคมคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวขึ้น 5-7% และมีมูลค่ารวม 1.70-1.73 แสนล้านบาท

ส่วนอนาคตปี 2569 จะเป็นอย่างไร นายวิศิษฐ์ระบุว่า

“ปี 2569 เป็นอีกปีแห่งการเปลี่ยนผ่านสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก และประเทศไทยเองก็กำลังอยู่ในช่วงขับเคลื่อนเข้าสู่ยุคอาหารแห่งอนาคต (Future Food) อย่างเต็มตัว ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น สนใจแหล่งที่มาของอาหาร และเปิดรับเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตมากกว่าที่เคย อาหารจึงไม่ใช่เพียงสิ่งที่ตอบโจทย์ความอิ่ม แต่ต้องสะท้อนคุณค่า ความยั่งยืน และนวัตกรรมในทุกขั้นตอน”

พร้อมกับกล่าวถึง 8 เรื่องเกี่ยวกับอาหารแห่งอนาคต ประกอบด้วย

1.Health & Wellness-สุขภาพนำเทรนด์
อาหารเพื่อสุขภาพ (Functional Food) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยดูแลระบบลำไส้ (gut health) และภูมิคุ้มกัน (immunity) เช่น โยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติก น้ำหมักผลไม้ หรือเครื่องดื่มเสริมไฟเบอร์สูง แนวโน้มของอาหารพลังงานต่ำ โปรตีนสูง และไขมันต่ำ กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในตลาดสุขภาพ นอกจากนี้ โปรตีนจากพืช (Plant-based Protein) ผู้ผลิตพัฒนาเนื้อจากพืชหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น โปรตีนจากถั่วเหลือง ข้าว หรือเห็ดสายพันธุ์ไทยเป็นวัตถุดิบ เพื่อสร้างรสสัมผัสใกล้เคียงเนื้อจริงและตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค

2.Flavor & Experience-กินเพื่อประสบการณ์
ในยุคที่ “รสชาติใหม่” คือประสบการณ์ ผู้บริโภคต้องการความตื่นเต้นและความแปลกใหม่ เทรนด์ fusion และรสชาติแบบ umami กลายเป็นแรงบันดาลใจในวงการอาหาร เช่น คาเฟ่ไทยที่สร้างสรรค์เมนูข้าวกะเพราเต้าหู้ญี่ปุ่น หรือลาเต้สมุนไพรไทยที่นำสมุนไพรพื้นบ้านมาผสมผสานกับเครื่องดื่มตะวันตก รวมไปถึงการเริ่มเห็นการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ที่มีความแตกต่างกันมาก เช่น ไอติม Guss Damn Good กับ ซอส Rosa หรือการใช้ Branding ของตัวเองเพื่อต่อยอด อย่างเช่น ร้านอาหารโอ้กะจู๋กับสายการบินไทย ร่วมกันสร้างสินค้าใหม่ที่มีความจำเพาะ แปลกใหม่ และความหลากหลายทางรสชาติมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สแน็กและของหวานก็เน้น texture และความสนุกในการกิน เพื่อสร้างอารมณ์ร่วม มากกว่าความอร่อยเพียงอย่างเดียว

3.Food Safety, Security, Sustainability & Transparency-มั่นคง ปลอดภัย โปร่งใสและใส่ใจโลก
ความยั่งยืนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมอาหาร ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับวัตถุดิบท้องถิ่น การลด food waste และบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ อีกทั้งยังต้องการรู้ “แหล่งที่มา” ของอาหารผ่านระบบ traceability เช่น การสแกน QR code หรือเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่น แบรนด์ไทยหลายรายเริ่มนำแนวทางนี้มาใช้ โดยเฉพาะธุรกิจเกษตรและอาหารส่งออกที่ต้องผ่านมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล รวมถึงในเรื่องของ Carbon Footprint ที่ยังคงต้องอาศัยการติดตามกฎหมายเพิ่มเติม

อาหารกลุ่ม Organic Food ยังเป็นอีกหนึ่ง Challenge ของประเทศไทย จากเทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้ ทำให้กลุ่มผู้บริโภคจากต่างประเทศสนใจกลุ่ม Organic ของไทยมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นการทำ Organic ยังคงมีความเสี่ยงในการลงทุนเพื่อพัฒนา เนื่องจากระบบการขึ้นทะเบียนที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ส่งผลถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

4.Convenience & Snacking-สะดวกและดีต่อสุขภาพ
ชีวิตเมืองที่เร่งรีบผลักดันตลาด Ready-to-eat และ All-day snacking ให้เติบโตต่อเนื่อง อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องดื่มพลังงานต่ำ และสแน็กสุขภาพ เช่น บาร์โปรตีนหรือกราโนล่าไร้น้ำตาล กลายเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์คนทำงานและผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกโดยไม่ละทิ้งสุขภาพ

5.Food Innovation-นวัตกรรมเปลี่ยนโลกอาหาร
ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ปัจจุบันมีผู้สูงอายุราว 20% ของประชากรไทย การพัฒนาอาหารในกลุ่มสำหรับผู้สูงอายุ จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไทยต้องพัฒนา ในปัจจุบันบริษัทใหญ่อย่าง CP, Betagro เริ่มมีการพัฒนาอาหารสำหรับผู้สูงอายุ โดยอย่าง CPRAM ได้มีการพัฒนาอาหารผู้สูงอายุใน Concept เคี้ยวง่าย กลืนง่าย ได้คุณค่า Low Sodium และ High Protien ในขณะที่ Betagro มีการพัฒนาจากการคิดตามระดับความสามารถในการเคี้ยว เช่น อาหารที่สามารถใช้เหงือกบดกิน หรืออาหารที่สามารถกลืนได้ทันที

นอกเหนือจากอาหารเพื่อผู้สูงอายุแล้ว ผู้บริโภควัยอื่นๆ ยังมีพฤติกรรมบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ยกตัวอย่างเช่น การบริโภคกลุ่มจำพวกแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง กลุ่มผู้ผลิตอาหารอาจต้องมองถึงการทำอย่างไรให้อาหารกลุ่มนี้ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

6.Trade & Tariffs-โอกาสจากการค้าระหว่างประเทศ
ไทยได้ขยายโอกาสทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยลดภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการลงเหลือ 0% เช่น วัตถุดิบเกษตรบางชนิด รวมถึงข้าวโพดและถั่วเหลือง การใช้กติกา Regional Value Content (RVC) ยังเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตไทยใช้วัตถุดิบจากประเทศในภูมิภาคมารวมคำนวณต้นทุน เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในตลาดโลก

7.Less Processed Food-กระแส ‘ยิ่งธรรมชาติ ยิ่งดี’

จากกระแสตระหนักรู้เรื่อง Ultra-processed Food ผู้บริโภคหันมาสนใจอาหารที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุด เช่น อาหารต้ม นึ่ง ย่าง หรือแช่แข็งทันทีหลังเก็บเกี่ยว เน้นคงคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดและปลอดสารปรุงแต่ง

8.Religious & Ethical Eating-เทรนด์อาหารตามศาสนา

อาหารเจ มังสวิรัติ ฮาลาล และโคเชอร์ ขยายตัวต่อเนื่องทั้งจากความเชื่อทางศาสนาและแนวคิด “กินอย่างมีจริยธรรม” (ethical eating) ประเทศไทยเริ่มเห็นแบรนด์ที่พัฒนาเมนูเฉพาะกลุ่ม เพื่อรองรับผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น

ซึ่งทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ยังมองถึงตัวเลขการขยายตัว Future Food ในปี 2569 ยังมีโอกาสจะขยายตัวได้ต่อเนื่องและไม่ต่ำกว่า 5% แน่นอน

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.