ประกันเสียงแตกรื้อเบี้ยรถอีวี 3 ค่ายขอกัดฟันลุยต่อ-เตือนสึนามิธุรกิจ
GH News November 07, 2025 07:40 AM

สมาคมประกันวินาศภัยไทยถก 15 บริษัทรับประกันรถอีวีทบทวนโครงสร้างเบี้ย “นายกสมาคม” ชี้บริษัทสมาชิก 2-3 รายขอลุยต่อกัดฟันแบกขาดทุนหวังเก็บข้อมูลสร้าง Data Base ขอยังไม่ปรับตอนนี้ “ทิพย-กรุงเทพประกัน” ไม่สู้ มองเสี่ยงสูง-ทยอยลดพอร์ต

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้า หลังจากสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้ประชุมร่วมกับ 15 บริษัทประกันที่เป็นท็อปธุรกิจประกันรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เพื่อหาทางการแก้ปัญหา และทบทวนโครงสร้างเบี้ยประกันอีวีใหม่ หลังจากประสบปัญหาขาดทุนจากการรับประกันภัยนั้น มีข้อสรุปออกมาว่า บริษัทส่วนใหญ่เห็นพ้องกับข้อมูล และประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากที่ผ่านมามีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ทำให้การกำหนดเบี้ย กำหนดราคาต่ำกว่าความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันอัตราส่วนการสูญเสีย (Loss Ratio) อยู่ที่ระดับ 120%

นอกจากนี้ หากดูจากสถิติความเสี่ยงของมูลค่าการซ่อมของรถอีวีแพงกว่ารถธรรมดา 50% เพราะฉะนั้น ราคาเบี้ยจะแพงกว่ารถทั่วไปไม่น้อยกว่า 20% แต่ปัจจุบันเบี้ยประกันภัยใกล้เคียงกันมากกับเบี้ยรถทั่วไป โดยบริษัทประกันต้องกัดฟันขายเบี้ยอีวีที่ราคาปัจจุบัน ซึ่งจากการหารือ เนื่องจากบริษัทประกันภัย 2-3 แห่ง ยังแสดงเจตนารมณ์ที่จะดำเนินธุรกิจแบบเดิมต่อ โดยยังสามารถแบกรับภาระ แม้ว่าจะมีผลการขาดทุนก็ตาม ส่วนหนึ่งเพื่อทดลอง และสร้างฐานข้อมูล (Data Base) เพื่อนำไปปรับความคุ้มครองในอนาคต

“2-3 บริษัทดังกล่าว ยังอยากให้อยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไป ดังนั้น เบี้ยประกันภัยอีวี น่าจะทรงตัวไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะยังมีการแข่งขันของบริษัทที่ยังต้องการดำเนินธุรกิจเช่นนี้อยู่ หรือจนกว่าบริษัทเหล่านี้จะถอนตัว หรือไม่สามารถแบกรับผลการขาดทุนได้อีก ก็อาจจะมีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยต่อไป”

ดร.สมพรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สมาคมได้ออกประกาศแนวทาง หรือ Guide Line เรื่องของเกณฑ์เบี้ยประกันภัยรถยนต์อีวีว่าควรจะเป็นเท่าใดไปแล้ว โดยบริษัทส่วนใหญ่ก็ดำเนินตามเกณฑ์ดังกล่าว แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้ใช้เกณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากการศึกษาประเทศจีน พบว่า มีการแยกกรมธรรม์ประกันภัยตัวรถและแบตเตอรี่ออกจากกัน

ทั้งนี้ ปัญหาของรถอีวีมาจาก 2 ส่วน คือ 1.แบตเตอรี่มีราคาแพง คิดเป็น 70-80% ของราคารถ และ 2.อะไหล่ของการซ่อม เนื่องจากผู้พัฒนารถอีวีเน้นออกแบบให้มีการเปลี่ยนเป็นหลัก และไม่ได้เปลี่ยนเป็นชิ้นส่วน แต่เปลี่ยนครั้งเดียวยกพวง ซึ่งไทยน่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะรถอีวีจีน ที่มีแนวความคิดที่จะขายรถในราคาถูก แต่ค่าอะไหล่แพง จึงมีผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ทำธุรกิจประกันภัย

“เมื่อมีบริษัทสมาชิกจำนวนหนึ่งพร้อมที่จะแบกรับภาระนี้อยู่ เขายังไปไหวอยู่ และยังอยากไปอยู่ สมาคมคงทำได้แค่ส่งสัญญาณเตือน ว่าจากข้อมูลที่มีอยู่ว่าการทำประกันภัยอีวีในบ้านเราความเสี่ยงสูง และจากการทำรีเสิร์ชในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน อาเซียน หรือแม้ในยุโรป หรือสหรัฐ การทำประกันภัยรถอีวีประสบปัญหาอย่างเดียวกัน คือ ขาดทุนจากการรับประกันภัย และยังไม่มีประเทศไหนที่ประสบความสำเร็จแท้จริง เราจึงได้แค่เตือนว่า หากเราไม่ปรับตัวตั้งแต่ตอนนี้ ไม่รีบทำอะไรตั้งแต่ตอนนี้ การรับประกันภัยอีวีจะกลายเป็นอีกหนึ่งสึนามิ ที่เราต้องเจอ”

ดร.สมพรกล่าวว่า สำหรับทิพยประกันภัย บริษัทได้ถอนตัวมาจากธุรกิจประกันภัยรถอีวีอย่างชัดเจนแล้ว จากในอดีตบริษัทเป็นผู้รับประกันภัยรายหลักของรถยนต์อีวี ที่ขายดีในประเทศไทยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่หลังจากเห็นแนวโน้มของ Loss พุ่งสูงขึ้น บริษัทจึงได้ถอนตัวออกมาจากการรับประกันภัยอีวี และระมัดระวังการรับประกันภัยอีวีมากขึ้น โดยเบี้ยประกันภัยอีวีจากเดิมเฉลี่ยปีละ 500-600 ล้านบาท ปัจจุบันลงมาเหลือเพียงกว่า 100 ล้านบาท

“ทิพยยังคงรับประกันภัยอีวีอยู่ แต่ไม่ได้แข่งขันในเรื่องของราคา แต่จะแข่งขันในราคาที่ธุรกิจไปได้ เราจะเห็นเบี้ยประกันอีวีกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรือสะท้อนตามความเสี่ยงที่แท้จริง น่าจะประมาณกลางปี’69 ภายหลังจากบริษัทต่าง ๆ ที่ยังรับประกันอีวีหันกลับมากำหนดราคาเบี้ยตามความเสี่ยง เราอาจจะเข้าไปมากขึ้น อย่างไรก็ดี เรายังมองว่ารถอีวี จะยังมีส่วนสำคัญของยอดขายรถยนต์ในช่วงปลายปีนี้”

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การรับประกันภัยรถอีวีต้องดูข้อมูลประกอบค่อนข้างมาก เพราะยังหาความชัดเจนยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ อาทิ 1.การลดลงอย่างรวดเร็วของราคาขาย (Market Value) โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์จากจีน และ 2.ความเสียหายสูงสุด (Severity) ยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้ Loss Ratio ภาพรวมของอุตสาหกรรมยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง

สำหรับกรุงเทพประกันภัยไม่ได้แอ็กทีฟธุรกิจประกันอีวีมาระยะหนึ่งประมาณ 2 ปีแล้ว ปัจจุบันมีเบี้ยประกันอีวีไม่มาก แค่ประมาณ 300 ล้านบาท หรือราว 9,000-10,000 คัน เพราะสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในช่วงที่ราคาตลาดลดลงเร็วมาก อาจจะเกิดภาวะ Moral Hazard ความตั้งใจให้เกิดความเสียหาย ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทจะต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ค่อยข้างมากในการดำเนินธุรกิจ

“หากดูแฟกเตอร์ ทั้งการลดลงของราคาที่รวดเร็ว และความเสียหายสูงสุด รวมถึงอัตราการสูญเสียที่อยู่ในระดับสูง ทำให้บริษัทต่าง ๆ จะต้องศึกษาข้อมูลเพื่อจะวิเคราะห์อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์อีวีที่สะท้อนความเสี่ยงให้ชัดเจนมากกว่านี้ก่อน”

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.