อย. เผยชื่อร้านยาร่วมโครงการ 'สุขกาย สบายกระเป๋า' กว่า 3,400 แห่งทั่วประเทศ
GH News November 07, 2025 04:40 PM

อย. เผยโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ตั้งเป้าลดภาระค่ายาของประชาชน 3 หมื่นล้านบาทต่อปี เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนกว่า 300 แห่ง ประชาชนสามารถนำใบสั่งยาไปซื้อยาจากร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการกว่า 3,400 แห่งทั่วประเทศ 

เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง อย. กับกรมการค้าภายใน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ

โดยตั้งเป้าหมายลดภาระค่ายาได้ถึง 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐ ด้วยการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่ร่วมโครงการกว่า 300 แห่ง สามารถทราบรายการและราคายาอย่างชัดเจน และเลือกที่จะนำใบสั่งยาไปซื้อยาจากร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการกว่า 3,400 แห่งทั่วประเทศ

“ทั้งนี้ อย.มีบทบาทหลักในการเปิดรับสมัครและเตรียมความพร้อมให้กับร้านขายยาที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่าร้านขายยาจะสามารถจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ได้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน พร้อมทั้งได้พัฒนาระบบค้นหาร้านยา (สุขกาย สบายกระเป๋า) ใกล้ฉัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนค้นหาร้านขายยาใกล้บ้านเพื่อซื้อยาได้ง่ายขึ้น

โดยประชาชนสามารถเข้าถึงระบบค้นหาได้ผ่าน QR code หรือ LINE: @FDAThai หรือสังเกตเครื่องหมายยืนยันร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้จากโลโก้โครงการ สุขกาย สบายกระเป๋า ที่ติดอยู่บริเวณร้าน” ภญ.สุภัทรากล่าว

เลขาธิการ อย.กล่าวว่า อย.ได้รับความร่วมมือจากสมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมผู้ประกอบการร้านยารวมใจไทย สมาคมร้านขายยา ในการเชิญชวนสมาชิกและสนับสนุนการให้บริการจ่ายยาตามใบสั่งยาให้มีมาตรฐาน โดยในอนาคตมีแนวคิดในการพัฒนาระบบบริหารเวชภัณฑ์รวม ป้องกันปัญหาการได้รับยาไม่ครบถ้วนตามใบสั่งยา และแก้ไขปัญหายาราคาแพงในอนาคต

รวมทั้งร่วมมือกับสภาเภสัชกรรมยกระดับมาตรฐานการบริการทางวิชาชีพและให้บริการเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy) โครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาระบบใบสั่งยาของไทยให้เทียบเท่าสากล ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการลดค่าใช้จ่ายด้านยาและยกระดับสิทธิด้านยาของผู้ป่วยในอนาคต

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.