‘ดีอี-ขนส่ง’ ปลดล็อกกฎหมาย กวาดไรเดอร์ 2 แสนรายเข้าระบบ
GH News November 20, 2025 09:00 AM

ตั้งแต่ 2 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) บังคับใช้ประกาศใหม่ “Ride Sharing” ตามกฎหมาย DPS (Digital Platform Services) หรือพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 ในส่วนที่เป็น “บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภทบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะ” หรือ “แอปเรียกรถ” ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการบังคับให้แพลตฟอร์มต้องตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนรถและใบขับขี่สาธารณะที่ “คนขับ” แจ้ง หากพบว่าไม่ถูกต้องจะต้องปิดระบบคนขับนั้น ๆ

“ดีอี” รับเรื่องไรเดอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ตัวแทนผู้ขับขี่รถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ไรเดอร์ และไดรเวอร์) ได้รวมตัวกันยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในหลายประเด็นด้วยกัน ทั้งกรณีคนขับแอปเรียกรถไม่สามารถจดทะเบียนอย่างถูกต้องได้ เนื่องจากรถติดไฟแนนซ์ ไม่สามารถนำไปทำประกันภัยสาธารณะ, ขนาดเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซต์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันไม่ถูกต้องตามที่ กม.กำหนด หรือกรณีการยื่นขอเอกสารรับรองต่าง ๆ ทำให้เกิดความล่าช้า เป็นต้น

“ไชยชนก ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ข้อร้องเรียนสะท้อนความตั้งใจของกลุ่มไรเดอร์ที่ต้องการเข้าสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย จึงได้มีการหารือร่วมกับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการเร่งให้ไรเดอร์เข้าสู่ระบบในระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป เนื่องจากกลุ่มไรเดอร์และไดรเวอร์ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล

ด้าน “สรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลการตรวจจับรถรับจ้างที่ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่าจับได้ 734 เคส โดยเน้นการพิจารณาให้ตักเตือน บันทึก ปรับในระยะแรกของการบังคับใช้ประกาศใหม่รถยนต์ ปรับ 500-4,000 บาท

ปัจจุบันคาดว่ามีรถรับจ้างผ่านแอปบนอีโคซิสเต็มกว่า 2 แสนคัน เกินกว่าครึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ แต่มีการจดทะเบียนรถรับจ้างผ่านแอป และขอใบอนุญาต รย.17 (รถจักรยานยนต์สาธารณะ) แค่ 2,082 คัน และ รย.18 (รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) 6,185 คัน (รถยนต์)

งัด 5 มาตรการปลดล็อก กม.

อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอีและกระทรวงคมนาคม โดย ETDA และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ประสานงานสถาบันการเงินและภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหา และกำหนด 5 มาตรการเพื่อช่วยเหลือไรเดอร์และไดรเวอร์ มีกรอบระยะเวลาตั้งแต่ 17 พ.ย. 2568-28 ก.พ. 2569

ประกอบด้วย 1.ลงทะเบียนผู้ขับขี่สำหรับจดทะเบียนรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอป โดย ETDA 2.แก้ปัญหาไฟแนนซ์-ลีสซิ่ง-ประกันภัย 3.ปลดล็อกเอกสาร-ขนาดเครื่องยนต์ 4.พิจารณาแก้กฎหมายให้นำรถเช่ามาให้บริการสาธารณะผ่านแอปได้ และ 5.มาตรการมอบเงินสนับสนุนพิเศษ

“การลงทะเบียนจะมีระบบกลาง เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการยื่นเอกสาร โดย ETDA จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://driververify.mdes.go.th ยืนยันและล็อกอินผ่าน Thai ID เมื่อข้อมูลได้รับการยืนยันจากแพลตฟอร์มจะได้รับใบรับแจ้งลงทะเบียนเป็น QR Code เพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที และผู้ขับขี่ต้องจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะ และทำใบขับขี่สาธารณะกับ ขบ.ให้เสร็จภายใน 28 ก.พ. 2569 ระบบนี้จะช่วยให้การขอใบ รย.17 และ รย.18 เร็วขึ้น”

ส่วนการแก้ปัญหาไฟแนนซ์และประกันภัย ทำโดยปลดล็อกใช้สำเนาทะเบียนแทนเล่มจริง

“ตอนออก กม.ใหม่ ๆ ให้ใช้สำเนาจดทะเบียนได้ แต่เมื่อปรับให้ใช้ทะเบียนเล่มจริง พบว่าค่าใช้จ่ายสูง 8,000-10,000 บาท สำหรับรถยนต์ เป็นค่าประกันยืมเล่มจริงไปใช้ ทำให้เป็นภาระไรเดอร์และไดรเวอร์ จึงเห็นควรปรับ กม.ให้ใช้สำเนาได้ในระยะสั้น ตั้งแต่วันนี้-28 ก.พ. 2569”

ส่วนเรื่องเอกสารขอประกอบอาชีพขับรถรับจ้าง มีกระบวนการยืนยันภูมิลำเนา ซึ่งเดิมคณะกรรมการขนส่งจะประชุมเดือนละครั้ง แต่ปัจจุบันยืดหยุ่นขึ้น และเตรียมแก้กฎหมายเกี่ยวกับภูมิลำเนาผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะ โดยใช้เอกสารเฉพาะส่วนตน เช่น บัตรนักเรียน-นักศึกษา เอกสารการทำงานในพื้นที่ กทม. ลดปัญหาการหาผู้รับรอง

“ทีทีบี” นำร่องแก้ปัญหา

อีกส่วนที่ไรเดอร์ร้องเรียนเกี่ยวกับรถที่นิยมใช้ในการประกอบอาชีพ มีขนาดความจุกระบอกสูบใหญ่กว่า 125CC แต่กฎหมายให้ไม่เกินนั้น อยู่ระหว่างการศึกษา ด้วยข้อกฎหมายนี้มีอายุกว่า 20 ปี แม้เทคโนโลยียานยนต์เปลี่ยนไป แต่ยังไม่มีการศึกษาเรื่องความปลอดภัยและผลกระทบอื่น ๆ

“เราขอรับหลักการไว้ และจะไปศึกษาหารือการปรับปรุงกฎหมายร่วมกับสาธารณสุข, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สภาผู้บริโภค เพื่อกำหนดขนาดซีซีที่เหมาะสม ส่วนปัญหาที่เกิดกับรถติดไฟแนนซ์ คือเรื่องประกัน ที่ตาม กม.รถรับจ้างสาธารณะต้องมีประกันภัยสาธารณะด้วย ได้หารือกับ คปภ.และบริษัทลีสซิ่งทุกราย เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม กรณีลดค่าธรรมเนียมเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อ”

โดย “ทีทีบี” นำร่องเป็นรายแรก จากเดิม 1% ของยอดเงินคงเหลือตลอดสัญญา เหลือ 0.25% ต่อปี สำหรับรถที่จะเช่าซื้อเพื่อขับแอปไม่ต้องทำประกันชั้นหนึ่ง แต่ให้ใช้ประกันภัยชั้น 3 (ภาคสมัครใจ) ได้ เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ไฟเขียวรถเช่าขับผ่านแอป

ตัวแทน “ทีทีบี” ระบุว่าเงื่อนไขสนับสนุนผู้ขับขี่ที่เปลี่ยนประเภทการจดทะเบียนรถจาก รย.1 เป็น รย.18 นั้น ทาง TTB ยอมรับในส่วนของตัวประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์ ตราบใดที่ประกันภัยเป็นประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์ระดับพื้นฐาน ก็สามารถยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้นใดก็ตามไม่จำเป็นต้องเป็นประกันชั้น 1

“การยอมรับประกันภัยเชิงพาณิชย์แทนประกันชั้น 1 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งของค่าประกันชั้นเดิม”

อธิบดี ขบ.กล่าวว่า ตามกฎหมายเดิมอนุญาตเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้นที่นำรถมาให้บริการได้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเท็จจริงปัจจุบัน เห็นว่าผู้ที่ประสงค์จะประกอบวิชาชีพนี้ และมีใบขับขี่รถสาธารณะแล้วอาจไม่มีทุนรอนในการที่จะไปซื้อรถใหม่ก็อาจเช่าขับได้ ขอแค่มีใบอนุญาตสาธารณะ

“รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและรองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโดยหลักการแล้ว ในการรับเรื่องนี้ไปแก้ไขกฎหมาย/กฎกระทรวงต่อไป ถือเป็นการอัพเดต กม.ให้ทันต่อกาลเวลา”

Grab-Bolt-LINE MAN ตบเท้า

ในฝั่งแพลตฟอร์มเรียกรถทั้ง Grab, LINE MAN, และ Bolt ต่างมีตัวแทนเข้าร่วมการหารืออย่างพร้อมเพรียงกัน และมีการจ่ายค่าตอบแทนเพิ่ม (Incentive) เพื่อจูงใจให้กลุ่มไรเดอร์เข้ามาอยู่ในระบบรถรับจ้างสาธารณะ (รย.17 และ รย.18)

โดย Grab มีโบนัสขยันและเงินเสริม หากผู้ขับขี่อัพโหลดใบขับขี่สาธารณะ หรือเอกสาร รย.17/รย.18 สำหรับรถ 4 ล้อ มีเงินสนับสนุนรวมประมาณ 7,000-17,000 บาท ส่วน Lineman สำหรับรถ 2 ล้อให้สูงสุด 1,500 บาท และสำหรับรถ 4 ล้อ มี Incentive สูงสุดถึง 20,000 บาท

ขณะที่ตัวแทนจาก Bolt กล่าวว่า มีมาตรการและโครงการสนับสนุนผู้ขับขี่ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ได้แก่ การลดค่าคอมมิชชั่นเป็นเรตพิเศษที่ลดลง และมีโครงการ Boost Week ตั้งแต่ต้นปี เพื่อส่งเสริมการทำใบขับขี่สาธารณะ โดยเฉพาะการทำเพิ่มเติมในวันเสาร์

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนให้กลุ่มไรเดอร์เร่งเข้าสู่ระบบตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2569

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.