ฮั่วเซ่งเฮง ชี้วิกฤตชัตดาวน์ไม่จบ ราคาทองคำกลับมาทดสอบ 67,000 บาท
GH News November 20, 2025 09:20 AM

ฮั่วเซ่งเฮงชี้รัฐบาลสหรัฐยุติชัตดาวน์ ไม่ได้แปลว่าวิกฤตจบ แนะจับตาผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ หลังชัตดาวน์ยุติ หวั่น GDP ร่วง-หนี้สาธารณะพุ่ง ชี้ AI กระทบตลาดแรงงาน หนุนทองคำมีโอกาสขาขึ้นกลับมาทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 4,381 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 67,000 บาทต่อบาททองคำ

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ราคาทองคำและผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐ (Government Shutdown) ว่า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อค่ำวันพุธที่ 12 พ.ย. 68 (ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ) เพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ที่ยาวนานกว่า 43 วัน แต่ผลกระทบระยะสั้นและระยะกลางต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงราคาทองคำ ยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

นายธนรัชต์กล่าวว่า การยุติการชัตดาวน์ครั้งนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากงบประมาณชั่วคราวครอบคลุมเพียง 3 ใน 12 ส่วนที่สภาคองเกรสต้องอนุมัติ และมีกำหนดจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ม.ค. 69 ซึ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะชัตดาวน์ขึ้นอีกครั้ง หากสภาคองเกรสยังไม่สามารถอนุมัติงบประมาณส่วนที่เหลือได้

ชี้ผลกระทบหลังชัตดาวน์

นายธนรัชต์ชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยหลักที่ยังสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้สหรัฐจะกลับมาเปิดทำการ คือผลกระทบทางเศรษฐกิจ (Economic Aftereffects) ที่ตามมา โดยสำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริง (Real GDP) จะลดลง 7 พันล้านดอลลาร์ ในกรณีที่ปิดหน่วยงานสี่สัปดาห์ และเพิ่มเป็น 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อปิดหน่วยงานนาน 42 วัน

“นอกจากนี้ ตัวเลขขาดดุลประจำปีงบประมาณ 2025 ที่ CBO ประเมินไว้สูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ ซึ่งสะท้อนแนวโน้มว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐ อาจเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกัน จากระดับปัจจุบันที่ทะลุ 38 ล้านล้านดอลลาร์ ความเสี่ยงทางการคลังและหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย” นายธนรัชต์กล่าว

ความไม่แน่นอนของ Fed

นายธนรัชต์กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ว่า การชัตดาวน์ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญบางส่วน เช่น รายงานการจ้างงานและดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม อาจมีความล่าช้าหรือไม่ถูกเผยแพร่ ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้หรือไม่

“ความไม่แน่นอนของข้อมูลและภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว ทำให้โพลสำรวจ CME FedWatch Tool ปรับลดคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมเหลือเพียง 43.6% ซึ่งลดลงอย่างมากจากเดิมที่ 88.2% ในเดือนก่อน และปรับเพิ่มคาดการณ์การคงดอกเบี้ยเป็น 56.4%” (ข้อมูล ณ วันที่ 17 พ.ย. 68)

น่าสนใจคือ ข้อมูลที่มีอยู่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่จาก “คลื่นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)” โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการปลดพนักงานกว่า 153,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี และยอดผู้ถูกเลิกจ้างสะสมตลอดทั้งปีทะลุ 1 ล้านราย ซึ่งสถานการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจและความเปราะบางในตลาดแรงงานอย่างชัดเจน

คาดราคาทองคำจ่อทดสอบ “67,000 บาท”

ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินแนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นว่า ยังคงต้องติดตามการแถลงการณ์ของประธาน Fed เกี่ยวกับมุมมองการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาเผยแพร่ได้ตามปกติ ซึ่งหากผลออกมาไม่ดี ก็อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทดสอบใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ 4,381 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 67,000 บาท (คำนวณจากค่าเงินบาท 32.30 บาท)

“ในทางกลับกัน หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าที่คาด ก็ต้องระวังแรงเทขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยจุดที่น่าสะสมระยะกลางยังอยู่ที่บริเวณ 3,870-3,900 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือราคาทองคำแท่งประมาณบาทละ 59,100-59,600 บาท (คำนวณจากค่าเงินบาท 32.30 บาท) นักลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม” นายธนรัชต์กล่าวสรุป

ฮั่วเซ้งเฮงชี้ทองยังขาขึ้น
ภาพ : ฮั่วเซ่งเฮง
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.