เลขาฯกฤษฎีกาชี้ อสส.อุทธรณ์คดี 112 ‘ทักษิณ’ ไม่กระทบขอพักโทษ บอกยึดทรัพย์คดีหุ้นชินฯ 1.76 หมื่นล้าน สืบทรัพย์ตามปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการอุทธรณ์ของอัยการสูงสุดคดี 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้ไม่สามารถขอพักโทษจากคดีสืบเนื่องจากชั้น 14 ได้ ว่าไม่น่าจะถูกตัดสิทธิการพักโทษ แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียด ขอดูรายละเอียดก่อน จึงไม่กล้าตอบคำถาม เนื่องจากกังวลว่าอาจผิด
เมื่อถามย้ำว่า การที่สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ในคดี 112 จะส่งผลให้ไม่สามารถขอพักโทษได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่าการยื่นอุทธรณ์ไม่ใช่คำพิพากษา ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดีอยู่ และการขอพักโทษก็น่าจะได้ ก่อนย้ำว่าการตอบคำถามของผมเป็นการตอบที่ยังไม่ได้ดูข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เลขาฯกฤษฎีกายืนยันว่า การที่จะขอพักโทษได้ต้องรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือจำคุกมาแล้ว 6 เดือน ซึ่งเป็นไปตามหลักที่ต้องรับโทษ ก่อนจะขอพักโทษ และขั้นตอนการพักโทษก็ไม่มีหลักเกณฑ์การจำคุกขั้นต่ำกว่านี้แล้ว
เมื่อถามว่าหากนายทักษิณได้รับการพักโทษออกมาจะสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งได้หรือไม่ เลขาฯกฤษฎีการะบุว่าขอดูรายละเอียดก่อน และไม่กล้าตอบ เพราะอาจผิดพลาดได้
เมื่อถามว่ากรณีที่ศาลฎีกาพิพากษากลับในคดีภาษีของนายทักษิณต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการเช่นไร เลขาฯกฤษฎีการะบุว่า กระทรวงการคลังไม่ต้องทำอะไร แต่ต้องขอศาลออกหมายบังคับคดี ซึ่งเป็นกระบวนการปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่าสามารถยึดจากทรัพย์สินของนายทักษิณได้เลยหรือไม่ เลขาฯกฤษฎีกายืนยันว่าดำเนินการตามขั้นตอนปกติทางกฎหมาย และทรัพย์สินที่ได้มาก็ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นหลักปกติ ไม่ใช่กรณีใดกรณีหนึ่ง
เมื่อถามว่าจะใช้เวลาเท่าใดในการยึดทรัพย์เข้าสู่คลัง เลขาฯกฤษฎีกากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการสืบทรัพย์ ซึ่งต้องถามรายละเอียดจากกรมบังคับคดี