อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ถือว่ายังเผชิญกับปัญหาและความท้าทายรอบด้าน ล่าสุด “โนริอากิ ยามาชิตะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ออกมาสะท้อนภาพอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนไทย ที่ยังค่อนข้างหนักโดยเฉพาะในระบบซัพพลายเชน
“ยามาชิตะ” ขอเป็นกระบอกเสียง ส่งผ่านความต้องการและความคาดหวังของภาคอุตสาหกรรมไปยัง “รัฐบาล” จะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน
อุตสาหกรรมยานยนต์ในปีที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ 573,000 คัน ลดลง 26% ถือเป็นปีที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการอย่างยิ่ง
ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อ และการแข่งขันที่รุนแรงของตลาด
ส่วนปีนี้สถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
“ยามาชิตะ” บอกว่า ตลาดในปีนี้ยากลำบากพอสมควร แต่ละเดือนผ่านไปมีความยากลำบากทุกเดือน
โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรก (มกราคม-ตุลาคม) ยอดขายเริ่มฟื้นเล็กน้อย เติบโต 4%
โตโยต้า คาดว่าปีนี้ยอดขายรวม น่าจะจบที่ 609,000 คัน
เมื่อเทียบยอดขายกับปีที่ผ่านมา โตโยต้ามองว่า “ตลาดไม่น่าจะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้แล้ว”
ในปี 2569 นั้น ตลาดรถยนต์น่าจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าปีนี้ โดยเฉพาะตลาดปิกอัพ โตโยต้าได้มีการส่งรถปิกอัพรุ่นใหม่ ไฮลักซ์ ทราโว่ ออกสู่ตลาด และหวังว่ารถรุ่นนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันให้ตลาดปิกอัพมีการเติบโตขึ้น
จากการประเมินปัจจัยรอบด้าน ปีหน้ายอดขายรถยนต์โดยรวมจะเพิ่มเป็น 630,000 คัน ส่วนตลาดปิกอัพเราหวังว่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางปี 2569 เป็นต้นไป
อย่างปีนี้ตลาดปิกอัพเริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน เห็นได้จากยอดขายรวมอยู่ที่ 163,000 คัน ลดลง 14%
ตลาดปิกอัพมีแนวโน้มจะโตเพิ่มขึ้น เพราะเรามีโปรดักต์แชมเปี้ยน อย่าง ไฮลักซ์ ทราโว่ ออกสู่ตลาดด้วย
รถปิกอัพถูกยกให้เป็นแชมเปี้ยนของประเทศไทย อย่าง โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่ ถูกยกให้เป็น “โปรดักต์แชมเปี้ยน” ที่มีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศมากกว่า 90% ถือว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย
จะเห็นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มีส่วนสำคัญที่สร้าง GDP ให้ประเทศถึง 10% และสร้างการจ้างงานมากกว่า 900,000 คน
อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยังคงมีความท้าทายโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการผลิตในประเทศและระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) โตโยต้าถือเป็นนโยบายหลักของบริษัท เพื่อมุ่งเน้นการปกป้องและเสริมสร้างความเข้มแข็งของ Supply Chain ภายในประเทศไทย โดยใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนในประเทศให้มากที่สุด
ทั้งนี้ โตโยต้าอยากเสนอข้อเสนอแนะและความคาดหวังต่อรัฐบาลไทย 3 เรื่อง ได้แก่
1.มาตรการสนับสนุนตลาดรถยนต์ โดยรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมตลาดรถยนต์ในทุกเซ็กเมนต์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม 2.การปกป้องการผลิตในประเทศ โดยสร้างความเข้มแข็งและเป็นธรรมให้ Supply Chain ภายในประเทศ รวมถึงพิจารณาสิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับผู้ผลิตที่ใช้ชิ้นส่วนและวัตถุดิบในประเทศ และ 3.ส่งเสริมการส่งออก ด้วยการปรับมาตรการเพื่อรองรับและส่งเสริมการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทย
รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่เราเพิ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อย่าง โตโยต้า bZ4X ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าชาวไทย
ขณะนี้มียอดไปกว่า 2,000 คัน ภายในหนึ่งเดือนแรก ส่วนรถไฮลักซ์ มียอดขาย 10,000 คัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็น ไฮลักซ์ ทราโว่ 5,000 คัน
นอกจากนี้ นายใหญ่ โตโยต้า ยังได้ฝากการบ้านให้กับรัฐบาล เร่งดำเนินการอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ คือ มาตรการการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวในเรื่องของระบบการขนส่งสินค้าจากซัพพลายเออร์ในกัมพูชา
จากเดิมที่ขนส่งทางบก ต้องเปลี่ยนเป็นการขนส่งสินค้าทางเรือ ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น และต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาชายแดนเพื่อให้การขนส่งทางบกกลับมาเป็นปกติในเร็ววัน
สิ่งที่โตโยต้ายึดมั่นมาอย่างต่อเนื่อง คือ การเข้าใจลูกค้า ที่ผ่านมาโตโยต้าจะมีการลงพื้นที่เพื่อศึกษาความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานจริงของลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ความพึงพอใจได้มากที่สุด อย่างรถยนต์ไฮลักซ์ ทราโว่ ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเรา
รวมทั้งการสร้างความไว้วางใจและเครือข่าย โดยอาศัยความแข็งแกร่งของเครือข่ายดีลเลอร์และศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและรักษาฐาน-ขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง