(4 พ.ย.68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12/2568 โดยมีผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องเข้ามายังห้องประชุมที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร เพื่อเป็นการลดการเดินทางในช่วงที่ฝุ่นละออง PM2.5 สูง

สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2569 ขึ้น เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมรายงานในการประชุมเพื่อให้หัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับทราบมาตรการต่างๆ รวมถึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ในการจัดตั้งกองอำนวยการร่วมฯ และจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ในช่วงจัดงานเทศกาล ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการสร้างกรอบแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน โดยแผนปฏิบัติการนี้แบ่งขั้นตอนออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ขั้นเตรียมการก่อนเทศกาล ขั้นปฏิบัติการช่วงเทศกาล และขั้นปฏิบัติการหลังเทศกาล วัตถุประสงค์สำคัญคือการลดความเสี่ยงจากอันตรายที่มาจากการผลิต สะสม และการเล่นดอกไม้เพลิงหรือโคมลอย พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
นอกจากนี้ กทม. ยังเตรียมออกประกาศบังคับใช้มาตรการห้ามการจุดหรือปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล และโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยเด็ดขาด มาตรการดังกล่าวยังรวมถึงการขอความร่วมมือจากสถานประกอบการ และเชิญชวนให้ประชาชนงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2569 อยู่ระหว่างนำเสนอผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณาลงนาม
รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ฝากผู้อำนวยการเขตใน 2 เรื่องสำคัญ คือ การป้องกันเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ทั้งบ้านเรือนและอาคาร ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าในปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตในอาคารและบ้านเรือนมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุการแจ้งเตือนที่ล่าช้า จึงต้องเข้มข้นในเรื่องของการตรวจสอบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม อีกเรื่องหนึ่ง คือ ในช่วง 7 วันเฝ้าระวังช่วงเทศกาลปีใหม่ จะไม่มีการตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เหมือนที่ผ่านมา แต่จะเป็นการประสานความร่วมมือของระบบจากกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของสำนักงานเขตและ กทม. ซึ่งปฏิบัติการร่วมกันตลอด 24 ชม. ใน 7 วันอยู่แล้ว และผู้อำนวยการเขตก็สามารถใช้งานระบบนี้ได้ โดยจะยกระดับและจัดตั้งเป็นศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เมื่อมีเหตุที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงสูง เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
