แม้ปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทย ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนติดลบ 30-40% ตั้งแต่หลังเทศกาลตรุษจีน แต่สำหรับออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX Hospitality Group) ผู้บริหารโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO) ชามา (Shama) และโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) ยังสามารถยืนหยัดฝ่าปัจจัยลบได้
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด “วุฒิเวช เวชชบุษกร” รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายการเงินบริษัทในเครือ และ “ญาณภัทร อัษชริอินทรีย์” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและวางแผนทางการเงิน ถึงทิศทางของกลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
“ยุทธชัย จรณะจิตต์” ซีอีโอบอกว่า แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่มีปัจจัยลบที่กระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอตัวอย่างชัดเจน แต่กลุ่มออนิกซ์ฯยังสามารถประคับประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ และมี Performance ดีกว่าปีที่ผ่านมา และยังดีต่อเนื่องในช่วงสุดท้ายปีนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ พัทยา และภาคใต้ ที่มีดีมานด์ท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ออนิกซ์ฯก็ได้มุ่งขยายตลาดนักท่องเที่ยวไปสู่ตลาดใหม่ ๆ นอกจากตลาดจีน เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง อาเซียน ฯลฯ ซึ่งทำให้อัตราการจองล่วงหน้า (Forward Booking) ณ เวลานี้ ยังอยู่ในทิศทางที่ดี
“ที่ผ่านมาฐานลูกค้าจีนเราไม่ถึง 20% ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่กรุงเทพฯ และพัทยา ปัจจุบันเราได้ลูกค้าตลาดใหม่เข้ามาเพิ่มเยอะมาก ทำให้มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะโรงแรมสมุยและภูเก็ตที่ส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล ซึ่งทำให้โรงแรมสามารถมีอัตราผลตอบแทน หรือ Yield ที่สูงมาก”
“ยุทธชัย” บอกด้วยว่า ปีหน้า หรือปี 2569 จะเป็นปีที่ “ออนิกซ์” ครบ 60 ปี บริษัทมีแผนทำเรื่อง “แบรนดิ้ง” โดยเตรียมแผนและรีโพซิชั่นครั้งใหญ่สำหรับแบรนด์ อมารี (Amari) และโอโซ่ (OZO) เพื่อดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่และเสริมสร้างฐานลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งรีเฟรชให้ชามา (Shama) และโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดมากมาย โดยใช้ธีม “ONYX Universe”
โดยธีมดังกล่าวนี้จะครอบคลุมทุกบิสซิเนสยูนิต เช่น Academy, Rewards, Tech ฯลฯ ซึ่งยูนิตเหล่านี้จะเป็นเรื่องราวใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เช่น ในส่วนของ ONYX Academy จะเป็นเรื่องของการพัฒนาทาเลนต์ใหม่ และเป็นเรื่องของพัฒนาบุคลากร ONYX Tech ที่จะเน้นการใช้ AI เข้ามาช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพขององค์กร หรือ ONYX Rewards การพัฒนาระบบลอยัลตี้โปรแกรมช่วยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เป็นต้น
ในส่วนของแผนธุรกิจนั้น “ยุทธชัย” บอกว่า ในภาพใหญ่บริษัทตั้งเป้าหมายมีโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอไม่ต่ำกว่า 75 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 49 แห่ง โดยแบ่งเป็นโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในสัดส่วนประมาณ 50:50 ซึ่งก็มีเจรจาในส่วนของโลเกชั่น พาร์ตเนอร์ รวมถึงลงทุนบางส่วนแล้ว
โดยโครงการขนาดใหญ่ที่พร้อมเดินหน้าแล้วมีจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1.โครงการรีสอร์ตหรู (Luxury Resort) บนหาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต เป็นโครงการร่วมลงทุนกับ EQ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับลักเซอรี่จากมาเลเซีย (ออนิกซ์ฯจะถือหุ้น 51%) มูลค่าลงทุนประมาณ 2,600 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องพักในรูปแบบวิลล่า จำนวน 170 ห้อง
“ตอนนี้เราออกแบบโครงการเสร็จไปแล้ว 80-90% และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าจะเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2571
และ 2.โครงการ ชามา (Shama) เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ พัทยา เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ออนิกซ์ฯ มุ่งเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการ ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกับโรงแรมอมารี และโอโซ่ พัทยา
“โครงการนี้เราได้ทำสัญญาเช่าที่ดินบริเวณด้านหลังโรงแรมโอโซ่ พัทยา เพิ่มประมาณ 3 ไร่ครึ่ง เป็นระยะเวลา 30 ปี เพื่อสร้างห้องพักในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 150 ยูนิต สำหรับรองรับดีมานด์ของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่ต้องการพักระยะยาว ซึ่งจะทำให้โลเกชั่นดังกล่าวของเรามีบริการครบทั้ง 3 แบรนด์”
ด้าน “วุฒิเวช เวชชบุษกร” รองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายการเงิน บอกว่า ยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า หรือปี 2569 ยังมีความผันผวนสูง ดังนั้น สิ่งที่บริษัทต้องให้ความสำคัญคือการกระจายเซ็กเมนต์มากขึ้น พร้อมทั้งเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์และลงทุนในด้านลอยัลตี้โปรแกรม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับตลาด “ไมซ์” เพิ่มมากขึ้น
โดยนอกจากพร็อพเพอร์ตี้ที่เป็นโรงแรมแล้ว ในปีหน้าบริษัทจะมุ่งลงทุนในส่วนของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ภายใต้แบรนด์ ชามา (Shama) ให้ชัดเจนขึ้น จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่จำนวนหนึ่งแล้ว เช่น ชามา เพชรบุรี 47 กรุงเทพฯ, ชามา สุขุมวิท กรุงเทพฯ, ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ, ชามา เอกมัย กรุงเทพฯ, ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ เป็นต้น
โดยในปีหน้า ออนิกซ์ฯได้ร่วมกับกลุ่มเสนา พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม สุขุมวิท 101 ซึ่งเหลือขายสู่เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ภายใต้แบรนด์ Shama (ชามา) นอกจากนี้ยังมีการเจรจากับเจ้าของพร็อพเพอร์ตี้แบรนด์ชามา ที่เคยร่วมงานกันมีแผนจะเปิดโครงการชามาอีก 1 แห่ง ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว (กรุงเทพฯ)
รวมถึงเจรจากับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีก 2-3 ราย เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมให้เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการการพักระยะยาวของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องราว 5-6%/ปี
เช่นเดียวกับ “ญาณภัทร อัษชริอินทรีย์” ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและวางแผนทางการเงิน ที่บอกว่า สำหรับแผนการลงทุนในประเทศนั้น นอกจาก 2 โครงการใหม่ คือ ภูเก็ต และพัทยาแล้ว บริษัทยังได้รีโนเวตโครงการเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน สู่แบรนด์ “อมารี บางแสน” และเป็นแฟลกชิปของโรงแรมในพื้นที่บางแสน (ชลบุรี)
เช่นเดียวกับโรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ที่ปัจจุบันต่อสัญญาบริหารเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรีโนเวตและเปิดให้บริการร้านอาหารอิตาเลียนแบรนด์ “Prego” รวมทั้งมีแผนจะรีโนเวตใหญ่ “อมารี ภูเก็ต” ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมาะสมของเวลา คาดว่าน่าจะในอีก 2 ปีข้างหน้า
สำหรับแผนการลงทุน บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ภายใต้ชื่อ ONYXRT เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวที่เดิมมีแผนจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ยังชะลอแผนเพื่อดูจังหวะและนโยบายรัฐบาลใหม่ โดยคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2569
พร้อมย้ำว่า แนวทางการขยายธุรกิจและการเติบโตของกลุ่มออนิกซ์ฯนับจากนี้จะขยับไปสู่กลุ่มลูกค้าระดับ Luxury เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล มีความพร้อมในการใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และอิสราเอล ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
