กลุ่มธนบุรี ประกาสความร่วมมือกับกลุ่ม นีโอ อิงค์ รุกตลาดรถยนต์อีวีพรีเมี่ยมในไทย หลังตั้งบริษัท ใหม่ ธนบุรี บลูสกาย ดูแลขาย-การตลาดรถอีวี ประเดิมเปิดตัว แบรนด์ firefly เป็นแบรด์แรกในไทย ปี 2569 อย่าง
นายรัฐพล วิริยะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธนบุรี เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยมีการขยายตัวที่ชัดเจนขึ้น และจะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะยาว ผู้บริโภคเริ่มมองรถยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกระยะยาวมากขึ้น ล่าสุด กลุ่มธนบุรี ภายใต้ชื่อ บริษัท ธนบุรี บลูสกาย จำกัด ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ นีโอ อิงค์ (NIO Inc.) ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมระดับโลกเพื่อนำแบรนด์ในเครืออย่าง NIO, ONVO และ firefly เข้าสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ บริษัท จะเปิดตัว firefly เปิดตัวเป็นแบรนด์แรก โดยมีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2569 และได้เตรียมแผนการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม แลบะถือเป็นการตอกย้ำบทบาทอันแข็งแกร่งของไทยในฐานะตลาดยุทธศาสตร์ สู่การยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน
“ความร่วมมืครั้งนี้ ถือเป็นการวางรากฐานตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ เครือข่ายบริการ และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เรามองถึงเป้าหมายระยะยาว ครอบคลุมไปถึงด้านโครงสร้างการตลาด เครือข่ายบริการ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าต้องมาพร้อมคุณภาพ การบริการ และโครงสร้างที่รองรับความต้องการในอนาคตที่ชัดเจน”
ทั้ง ธนบุรี บลูสกาย และ นีโอ ตั้งใจพัฒนาร่วมกันในประเทศไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างยั่งยืน และเสริมความเชื่อมั่นให้กับตลาดไทยอย่างมั่นคง
สำหรับ นีโอ อิงค์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557 โดยถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมอันดับต้นของจีน ผ่านจุดเด่นด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery-as-a-Service) ภายใต้ชื่อสถานี NIO Power Swap ซึ่งปัจุบันถือเป็นเครือข่ายสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่หมดแล้วเป็นแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาที
มีการยังพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลแบบครบวงจร ทั้งแพลตฟอร์มการเชื่อมต่ออัจฉริยะ และโซลูชันด้านพลังงาน ไปจนถึงการบริการหลังการขายเพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งานเต็มรูปแบบ ปัจจุบัน นีโอ ดำเนินธุรกิจครอบคลุมถึง 14 พื้นที่ โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึงศูนย์การผลิต พร้อมทั้งขยายเครือข่ายจำหน่ายและบริการครอบคลุม 24 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก อีกทั้งมีแบรนด์ย่อยที่รองรับผู้ใช้งานหลากหลายเซกเมนต์
ภายใต้กลยุทธ์ 3 แกน จากความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับมาตรฐานตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย และประสบการณ์ขับขี่ของผู้บริโภค ได้แก่