เบนท์ลีย์ แบงค็อก ปรับโครงสร้างราคา ตามภาษีใหม่ บังคับใช้หลังวันที่ 1 ม.ค.69 ปรับราคา Continental GT และ Flying Spur ลด 3.3-3.5 ล้านบาท
น.ส.อภิญญา ชัยสันติกุลวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เบนท์ลีย์ แบงค็อก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์ (Bentley) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไป ประเทศไทยบังคับใช้ภาษีสรรพสามิตในอัตราใหม่ ส่งผลให้รถยนต์เบนท์ลีย์ ต้องปรับโครงสร้างราคาจำหน่ายเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้รถยนต์ไฮบริดและอีวีเพิ่มมากขึ้น

โดยรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริดที่มีขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 3000 ซีซี ปัจจุบันจัดเก็บในอัตรา 40% จะปรับลดลงเหลือ 30% ส่งผลให้รถยนต์เบนท์ลีย์ 2 รุ่นมีราคาลดลงในปีหน้า ได้แก่

เบนท์ลีย์ New Continental GT ปรับลดลง 3.5 ล้านบาท เหลือราคาเริ่มต้น 18.4 ล้านบาท จากปัจจุบันมีราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท
เบนท์ลีย์ Flying Spur ปรับลดลง 3.3 ล้านบาท จากราคาปัจจุบัน 20.2 ล้านบาท จะปรับลดลงเหลือราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท
ส่วนเบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga เครื่องยนต์ไฮบริดขนาดต่ำกว่า 3000 ซีซี ปัจจุบันจัดเก็บภาษีในอัตรา 8% เพิ่มเป็น 15% หรือขึ้นราคาขึ้น 8% หรือราว 1.2 ล้านบาท จากราคาเดิมเริ่มต้น 14.6 ล้านบาท เพิ่มเป็น 15.8 ล้านบาท
โดยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่สนใจ Bentayga เนื่องจากจะได้ราคาปัจจุบันก่อนปรับขึ้นบริษัทมีรถรุ่นนี้ไว้รองรับความต้องการของผู้ที่สนใจ จำนวน 3 คันเท่านั้นกับราคาเดิม
ส่วนรถที่ปรับลดราคาจำหน่าย ถือเป็นความคุ้มค่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่แล้ว ยังได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น เอกสิทธิ์การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมถึงข้อเสนอพิเศษทั้งส่วนลดพิเศษเงินสด, ดอกเบี้ยพิเศษด้วย
ผลกระทบจากภาษีใหม่เบนท์ลีย์ พยายามสื่อและให้ข้อมูลไปยังลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรก ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจออกไป
เพราะส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความคลุมเครือว่าจะมีการเลื่อนระยะเวลาบังคับใช้ออกไปหรือไม่ ประกอบกับปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่นิ่ง ก็มีผล แต่ลูกค้าเบนท์ลีย์ส่วนใหญ่มีความภักดีต่อแบรนด์ เพียงแต่อาจจะเลื่อนเวลาของการรับรถออกไปเท่านั้น
และทำให้ปีนี้ บริษัทมียอดขายโดยรวมที่ 10 คัน ลดลงจากปี 2567 ที่ขายได้ 43 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 10% ในส่วนของตลาดรถยนต์ระดับอัลตราลักเซอรี่ ที่มีความต้องการเฉลี่ย 285-300 คันต่อปี และปี 2569 คาดว่าจะมียอดขาย 20 คัน โดยเฉพาะรถ 2 รุ่นหลักที่ได้ประโยชน์จากภาษีวันนี้มียอดจองเข้ามาแล้ว 10 คัน
ปัจจุบันพบว่าเป็นกลุ่มลูกค้าซื้อด้วยเงินสด 50% และซื้อด้วยเงินผ่อน 50% และในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำถึง 10% และปีหน้าบริษัทมีแผนจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีก 1 รุ่น ในไตรมาสสุดท้ายของปี และจะขยายส่วนของงานบริการหลังการขายเพิ่มเติม เพื่อรองรับรถเป็น 40 คันต่อเดือน ในปี 2570
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ ภาพบางส่วนจาก Bentley Bangkok