"ดีเอสไอ" เตรียมเรียก "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" สอบปม MOU กับสิงคโปร์ หลังพบพิรุธส่อไม่โปร่งใส่ ด้านอดีตปลัดกระทรวงฯ ให้การชัดฝ่ายการเมืองเป็นคนสั่งให้ลงนาม

วันที่ 20 ธันวาคม 2568 กรณีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กับบริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี จากประเทศสิงคโปร์ หลังคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้าสอบปากคำอดีตปลัดกระทรวงฯ พบข้อมูลเชื่อมโยงถึงระดับนโยบาย โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าสอบปากคำนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อดีตปลัดกระทรวงดดิจิทัล (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ก.ล.ต.) เกี่ยวกับที่มาของการลงนาม MOU ดังกล่าว 

โดยนายวิศิษฏ์ให้การว่าการทำ MOU เป็นการสั่งการจากฝ่ายการเมืองโดยสำนักงานรัฐมนตรีดิจืทัลฯเป็นผู้แจ้งมายังฝ่ายข้าราชการประจำให้ดำเนินการ ก่อนดำเนินการได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯในขณะนั้น ตนในฐานะปลัดกระทรวงฯ จึงไปลงนามตามขั้นตอน ยืนยันว่าไม่ทราบรายละเอียดหรือรู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ลงนามฝ่ายบริษัท หรือบริษัทในกลุ่ม TIDC แต่อย่างใด ซึ่งจากคำให้การดังกล่าวส่งผลให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเตรียมพิจารณาเรียกฝ่ายการเมือง ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ และเลขานุการรัฐมนตรีในขณะนั้นมาให้ปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป

สำหรับคดีนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นหลังจากที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯคนปัจจุบัน ได้สั่งยกเลิก MOU ฉบับดังกล่าว เนื่องจากตรวจพบข้อพิรุธและปัญหาหลายประการที่อาจส่อถึงความไม่โปร่งใส และอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อภาครัฐได้ นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายในวันลงนามที่เกิดขึ้นในสมัยที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ โดยปรากฏภาพบุคคลสำคัญร่วมเป็นสักขีพยานหลายราย อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า (อดีตรมว.เกษตรฯ ในขณะนั้น) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย) นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ซึ่งการปรากฏภาพถ่ายดังกล่าวร่วมกับคำให้การของอดีตปลัดกระทรวงฯ กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ DSI จะใช้ในการขยายผลสอบสวนถึงบทบาทของฝ่ายการเมืองในการผลักดัน MOU ที่ถูกตั้งข้อสงสัยฉบับนี้