วงการแพทย์ทั่วโลกจับตามอง เมื่อ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University) จับมือกับยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรม GSK (GlaxoSmithKline) ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ในการพัฒนา "วัคซีนป้องกันมะเร็ง" โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นโรคร้ายตั้งแต่ยังไม่ก่อตัว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินหน้าทดลองทางคลินิกได้ในปี 2026 นี้
ศ.ซาราห์ แบล็กเดน หัวหน้าทีมวิจัยจากออกซ์ฟอร์ด เปิดเผยความจริงที่น่าตกใจว่า มะเร็งไม่ได้เกิดขึ้นปุบปับ แต่มันใช้เวลาฟูมฟักและสะสมความผิดปกติในร่างกายนานถึง 10-20 ปี กว่าจะปรากฏให้เห็นเป็นก้อนเนื้อ
แนวคิดของวัคซีนตัวนี้คือการ "ชิงลงมือต่อน" โดยเทคโนโลยีใหม่จะช่วยให้แพทย์ตรวจจับความผิดปกติของเซลล์ใน "ระยะก่อนมะเร็ง" (Pre-cancerous) ได้ ซึ่งวัคซีนจะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้จดจำและทำลายเซลล์ผิดปกติเหล่านี้ทิ้งไป ก่อนที่มันจะมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งร้าย

เป้าหมายหลักของโครงการนี้คือกวาดล้างมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง ได้แก่ มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้
ด้วยอานิสงส์จากเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดในช่วงโควิด-19 ทำให้นักวิจัยสามารถออกแบบวัคซีนที่แม่นยำได้มากขึ้น โดยทีมงานตั้งความหวังว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า วัคซีนมะเร็งจะกลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่เข้าถึงง่าย เหมือนกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด และในอนาคตอาจรวมวัคซีนป้องกันมะเร็งหลายชนิดไว้ในเข็มเดียวได้
โครงการ "Cancer Immunology Project" นี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก GSK สูงถึง 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,200 ล้านบาท) เพื่อเร่งการวิจัยให้สำเร็จโดยเร็ว โดยโทนี่ วูด หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ GSK กล่าวว่า "เราต้องการมอบทางรอดใหม่ให้กับกลุ่มเสี่ยงมะเร็ง"
หากการทดลองนี้ประสบความสำเร็จ นี่จะไม่ใช่แค่ชัยชนะทางวิทยาศาสตร์ แต่จะเป็นการช่วยชีวิตผู้คนนับล้านทั่วโลกให้รอดพ้นจากความเจ็บปวดและการสูญเสียจากโรคมะเร็งได้อย่างยั่งยืน