“ช้างศึกสายฟ้า” ทีมชาติไทย ชุด 19 ปี เตรียมแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน ที่เมือง สุราบายา ประเทศอินโดนีเซีย

โปรแกรมในรอบแรก วันที่ 19 ก.ค.67 เวลา 19.30 น. พบ สิงคโปร์ ที่เกโรลา 10 โนเวมเบอร์ สเตเดียม

จากนั้นวันที่ 22 ก.ค.67 เวลา 15.00 น. พบ บรูไน ที่ เกโรลา 10 โนเวมเบอร์ สเตเดียม และวันที่ 25 ก.ค.67 เวลา 15.00 น. พบ มาเลเซีย ที่ จีบีที สเตเดียม แชมป์กลุ่ม 3 กลุ่ม เข้ารอบทันที ส่วนอันดับ 2 คัด 1 ทีม ไปรอบตัดเชือก

ทุกนัดถ่ายทอดสด AIS PLAY

ทีมชาติไทย เป็นแชมป์รายการนี้มากสุด 5 สมัย เท่าออสเตรเลีย แต่ก็ห่างหายจากแชมป์มาถึง 7 ปี โดยล่าสุดที่ได้แชมป์คือ ปี 2017 ที่เมียนมา รอบชิงฯ ชนะ มาเลเซีย 2-0

3 ครั้งต่อมา อย่าว่าแต่แชมป์ แม้แต่รอบชิงชนะเลิศ ยังไม่เคย

2018 ได้ที่ 4, 2019 ตกรอบแรก, 2022 ได้ที่ 4

ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนของ “เอเอฟเอฟ” นอกจากระดับชุดใหญ่ น่าสนใจว่า ในรุ่นจำกัดอายุ ทีมชาติไทยห่างจากแชมป์อาเซียนมานานมาก

ชุด ยู 19 ได้แชมป์ล่าสุดเมื่อ 7 ปีก่อน นั่นยังน้อยไป

ยู 23 จัดครั้งแรก ปี 2005 หรือ 19 ปีก่อนไทยได้แชมป์ แต่จากนั้นในการจัด 2019, 2022 และ 2023 ไทยได้รองแชมป์, รองแชมป์ และที่ 3

ยู 16 ไทยได้แชมป์ล่าสุด ปี 2015 จากนั้น 6 ครั้งต่อมา แม้เข้ารอบรองชนะเลิศทุกครั้ง แต่ได้เพียงอันดับ 2 ไป 4 ครั้ง (รวมทั้งปีนี้) และที่ 3 อีก 2 ครั้ง

ดูชื่อรายการเหมือนง่าย แค่ระดับอาเซียน แต่ทำไมยากเย็นจัง แถมยังฝืดแชมป์ทุกชุดในระดับเยาวชน

มาที่ทีมชาติไทยชุด 19 ปี ชุดนี้อย่างที่ทราบกันว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มอบให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บริหารจัดการ เดินเครื่องตั้งแต่ปลายปี 2565

เป้าหมายสูงสุดคือฟุตบอลอายุไม่เกิน 20 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2025 โดยตั้งเป้าว่าจะติดท็อป 10 เอเชีย(ทำไมไม่ท็อป 8 ก็ไม่รู้)

เปลี่ยนโค้ชมาหลายคน จนถึงล่าสุด เอเมอร์สัน เปไรรา ส่วนผู้จัดการทีม “หนุน” ชนน์ชนก ชิดชอบ

หมุนเวียนคัดนักเตะมายาวนานน่าจะสักปีครึ่งได้ นายชนน์ชนก บอกว่า จะมีนักเตะที่ผ่านสเกาต์สัก 2,300 คน จนสุดท้ายมาได้ 23 นักเตะ ที่เปิดชื่อออกมามีสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึง 16 คน หรือ 2 ใน 3

นักเตะบุรีรัมย์ติดมาเยอะมาก เพราะแคมป์ซ้อมนี้ ไปอยู่ที่ บุรีรัมย์ อคาเดมี่ และเป็นการเก็บตัวระยะยาวเป็นปีๆ ดังนั้นนักเตะสังกัดสโมสร หรือโรงเรียนอื่น อาจไม่สะดวกในการเข้าแคมป์

หรือไม่อีกอย่างก็คือ คนทำทีมมั่นใจใน “บุรีรัมย์ เวย์ส” ตั้งระบบเป็นหลัก นักเตะบุรีรัมย์จึงอาจตอบโจทย์กว่า

จะมีความรู้สึกแบบใดก็ตามแต่ แต่ก็ต้องยอมรับถึง “ระบบ” ของ บุรีรัมย์ ที่ประสบความสำเร็จในวงการลูกหนังไทย ทั้งผู้ใหญ่ ผู้เด็ก

ระเบียบวินัย ก็มาในแนว “บุรีรัมย์” แต่หย่อนลงหน่อย ชนน์ชนก บอกว่า ถ้าเอาบุรีรัมย์ ล้วนๆ เดี๋ยวจะเครียดกัน แต่เรื่องพื้นฐานอย่างเช่น เก็บโทรศัพท์หลัง 4 ทุ่ม ต้องทำอยู่แล้ว

ทีมชุดนี้นับว่าเป็นทีมชาติไทย ที่ถูกตั้งข้อสงสัย ข้อสังเกต ไม่น้อยกับแนวทางทำทีม ยกให้สโมสรใดสโมสรหนึ่งรับไปเป็นเจ้าของ…แบบนี้ได้หรือ

พอๆกับข้อสงสัยว่า วิธี วิถีนี้จะได้ผลจริงหรือไม่

ศึกชิงแชมป์อาเซียน จะเป็นการชิมลาง

“ถูก” หรือ “ผิด” ไปลองค้นหาคำตอบกันได้.

*** วุฒินล ***