Apple VS Huawei ศึกสมาร์ทโฟน “พรีเมี่ยม” เขย่าที่มั่นแบรนด์สหรัฐในจีน
SUB_TIK September 14, 2024 12:20 PM

ความตึงเครียดระหว่างมังกร “จีน” และพญาอินทรี “สหรัฐอเมริกา” ไม่ได้จำกัดแค่ประเด็นการเมืองและการค้าเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปสู่การแข่งขันทางเทคโนโลยี ที่แต่ละบริษัทพยายามเข็นผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดออกมาจากกรุสมบัติเพื่อมัดใจผู้คนทั่วโลก

โดยช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง “แอปเปิล” (Apple) และ “หัวเว่ย” (Huawei) ต่างเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ในเวลาห่างกันเพียง 14 ชั่วโมง ทำให้มีผู้เล่นที่น่าจับตาเพิ่มขึ้นอีกราย นอกจาก “ซัมซุง” (Samsung) ที่ขับเคี่ยวกับแอปเปิลในตลาดนี้มานาน ทำให้ภาพการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในจีน

เปิดตัว iPhone 16

ค่ำคืนวันใหม่ของวันที่ 10 ก.ย. 2567 (เวลาไทย) “Apple” จัดงาน Apple Event “It’s Glowtime” ตามธรรมเนียมปฏิบัติในทุกปี เพื่ออัพเดตไลน์อัพผลิตภัณฑ์โดยมี “ไอโฟน” (iPhone) เป็นไฮไลต์สำคัญของทุกปี และปีนี้เดินทางมาถึง iPhone 16 แล้ว ทั้งซีรีส์ธรรมดา และซีรีส์ Pro

เริ่มที่ซีรีส์ธรรมดา มี 2 รุ่น ได้แก่ iPhone 16 หน้าจอ 6.1 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท และ iPhone 16 Plus หน้าจอ 6.7 นิ้ว เริ่มต้น 34,900 บาท มาพร้อมสีใหม่ 5 สี คือ น้ำเงินอัลตรามารีน, เขียวอมฟ้า, ชมพู, ขาว และดำ ใช้ชิป A18 ที่มี CPU 6-Core และ GPU 5-Core เร็วกว่าหน่วยประมวลผลของชิป A16 บน iPhone 15 ราว 30% และ 40%

ส่วนซีรีส์ Pro มี 2 รุ่น ได้แก่ iPhone 16 Pro หน้าจอ 6.3 นิ้ว เริ่มต้น 39,900 บาท และ iPhone 16 Pro Max หน้าจอ 6.9 นิ้ว เริ่มต้น 48,900 บาท มาพร้อมสีใหม่ 4 สี คือ ไทเทเนียมทะเลทราย, ไทเทเนียมธรรมชาติ, ไทเทเนียมขาว และไทเทเนียมดำ ใช้ชิป A18 Pro ที่มี CPU 16-Core และ GPU 6-Core

สิ่งที่น่าจับตามากใน Apple Event ครั้งนี้ คือการที่ Apple ให้ความสำคัญกับ iPhone 16 ซีรีส์ธรรมดาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าซีรีส์ Pro โดยเฉพาะปุ่ม Camera Control ที่เปิดตัวครั้งแรก Apple เลือกใส่
มาให้ทั้งรุ่นธรรมดาและ Pro

ที่ผ่านมา สาวกแอปเปิลรู้ดีว่าสิ่งที่เปิดตัวใหม่จะอยู่แค่ในรุ่น Pro เท่านั้น และจะนำมาใส่ในรุ่นธรรมดาในปีถัดไป เช่น Dynamic Island ที่เปิดตัวครั้งแรกใน iPhone 14 ซีรีส์ Pro และกลายเป็นดีไซน์พื้นฐานตั้งแต่ iPhone 15 เป็นต้นมา หรือปุ่ม Action Button สำหรับคัสตอมฟังก์ชั่นตามใจชอบที่เปิดตัวครั้งแรกใน iPhone 15 ซีรีส์ Pro ก็ได้มาอยู่ใน iPhone 16 รุ่นธรรมดาเป็นที่เรียบร้อย

หรือนี่จะเป็นความพยายามของ Apple ที่ต้องการกระตุ้นยอดขาย iPhone ซีรีส์ธรรมดามากขึ้น ?

แม้ในแง่ดีไซน์จะไม่ค่อยจี๊ดจ๊าดถูกใจสาวกแอปเปิลเท่าที่ควร เพราะไม่มีความเปลี่ยนแปลงแบบ “Major Change” จากรุ่นก่อน ๆ แต่ระยะเวลากว่าครึ่งหนึ่งของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่กลับเน้นย้ำถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์ AI สไตล์ Apple อย่าง “Apple Intelligence” ที่สร้างความฮือฮาในงาน WWDC 2024 ที่ผ่านมา

ปูพรม Apple Intelligence

Apple ตัดสินใจอัพเกรดชิป iPhone 16 มาที่ซีรีส์ A18 ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่ทรงพลังมากขึ้น สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมเพื่อใช้ฟีเจอร์ Apple Intelligence ที่ชูจุดแข็งการทำงานแบบ On Device ประมวลผลผ่าน “Private Cloud Compute” ที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มข้น

ตัวอย่างฟีเจอร์ Apple Intelligence ที่นำเสนอใน Apple Event ครั้งนี้ เช่น Siri ผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงเวอร์ชั่นอัพเกรด ที่สามารถให้คำแนะนำในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ละเอียดขึ้น และ Visual Intelligence ตัวช่วยในการค้นหาสิ่งที่ไม่รู้จักผ่านการถ่ายภาพ เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ “ขจร เจียรนัยพาณิชย์” บล็อกเกอร์สายไอที และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Macthai.com แสดงความเห็นกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โมเดล AI ของ Apple Intelligence แบ่งเป็นส่วนที่อยู่ในเครื่อง 90% และประมวลผลผ่าน ChatGPT อีก 10% ข้อดีของการมี AI ฝังอยู่ในเครื่อง คือประมวลผลรวดเร็ว ใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพราะไม่ต้องส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์ รวมถึง AI ยังรู้จักและเข้าถึงข้อมูลของเจ้าของอุปกรณ์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเทรนข้อมูลเข้าไปอีก

“การที่ Apple เป็นเจ้าของอีโคซิสเต็มทั้งชิป ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่เหนือเจ้าอื่นมาก เพราะทีมพัฒนาสามารถบีบอัดไซซ์ของโมเดล AI มาใส่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย อีกทั้ง Apple ยังเป็นแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ใช้งานเก่งมาก ๆ จึงมีวิธีการสื่อสารที่จะทำให้ผู้ใช้เปิดใจกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์”

Huawei ท้าชน Apple

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า Huawei จงใจวางอีเวนต์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาเดียวกับ Apple มานานกว่า 3 ปีแล้ว โดยเฉพาะอีเวนต์ล่าสุดที่โชว์ศักยภาพเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ “จอพับสามทบ” เครื่องแรกของโลก เรียกเสียงฮือฮาชิงกระแส Apple Event

รายงานระบุว่า การเปิดตัว Huawei Mate XT พับสามทบราคาสูง คือการแย่งตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมในจีนอย่างตรงไปตรงมา

ข้อแตกต่างของทั้งสองอีเวนต์ คือ Apple ใช้งานเดียวเปิดตัว iPhone ทุกรุ่น ขณะที่ Huawei มักแบ่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เป็นส่วน ๆ ทยอยช่วงชิงกระแสความฮือฮามาตลอดทั้งในจีน และในตลาดโลก

ในการเปิดตัว Pura 70 Pro “Huawei” สร้างชิปประมวลผล Kirin ที่มีขนาด 7 นาโนเมตร ท่ามกลางการกีดกันเทคโนโลยีผลิตชิปรุ่นใหม่ ซึ่ง Huawei ต้องกลืนเลือดยอมแลกกับอัตราสูญเสียชิปที่สูงขึ้น เพราะเครื่องผลิตชิปรุ่นเก่ามีความละเอียดน้อยกว่าเครื่องอียูวีที่โดนสหรัฐกีดกัน ขณะที่ iPhone ใช้ชิปขั้นสูงขนาดเพียง 3 นาโนเมตร

ดังนั้น การเปิดตัวมือถือพับ 3 ทบ ของ Huawei เรียกว่าเป็นการโชว์จุดแข็งอื่น ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจในตลาดพรีเมี่ยม ที่ไม่ได้สนใจเรื่องของฟังก์ชั่นใช้งานที่แอดวานซ์นัก เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดว่า Mate XT ใช้ชิปอะไร รุ่นใหม่แค่ไหน

เมื่อรวมกับฟีเจอร์หลายอย่าง ยิ่งทำให้เห็นว่าเป็นการโฟกัส “ตลาดจีน” กล่าวคือ ณ ตอนนี้เครื่องใช้งานบนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 4.2 ของ Huawei เอง ซึ่งไม่รองรับแอปของ Android และยังใช้ได้แค่ในจีน

สแกน Huawei Mate XT

ความพรีเมี่ยมของเครื่องอยู่ที่ตัวจอ OLED LTPO ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว เมื่อกางออกเต็มที่ ความละเอียดสูงถึง 3K, Touch Sampling Rate 240Hz, การหรี่แสง PWM ความถี่สูง 1440Hz เมื่อพับก็ใช้งานเป็นมือถือ เมื่อกางก็ไม่ต่างจากแท็บเลตสำหรับใช้อ่านเขียนค้นคว้า ทำให้การชมวิดีโอ เล่นเกม หรือทำงานเต็มอิ่มยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์อัจฉริยะ เช่น การแปล การถอดเทปด้วย AI ระบบผู้ช่วยเสียง Xiaoyi หรือ Celia (คล้าย Siri และ Google Assistant) อัพเกรดฟังก์ชั่น AI ประกอบด้วยเสียงเป็นข้อความ การแบ่งหน้าจออัตโนมัติ การแปลเอกสารแบบเรียลไทม์ และการรีทัชรูปภาพ

คุณสมบัติที่มีเฉพาะในตลาดจีนอีกอย่างคือการสื่อสารผ่านดาวเทียมแบบสองทาง เชื่อมต่อกับดาวเทียมและสถานีอวกาศ Tiangong ผ่าน China Telecom เท่านั้น

ในราคาเริ่มต้นเฉียด 1 แสนบาท นับเป็นสมาร์ทโฟนคนละคลาสกับตัวท็อปอย่าง iPhone 16 Pro Max ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยม เมื่อบวกกับกระแสสินค้าท้องถิ่นที่ถูกปลุกขึ้นมาในสงครามเทคโนโลยี อาจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มตัดสินใจเลือกใช้ Huawei และแน่นอนว่าส่งผลต่อรายได้ของ Apple ทั้งกระบวน

Apple หืดจับตลาดจีน

รายงานการจัดส่งสมาร์ทโฟนในภาพรวมปี 2566 เป็นปีที่น่ากลัวของ Apple เพราะในตลาดจีนซึ่งใหญ่อันดับ 2 ของ Apple มียอดจัดส่ง iPhone น้อยลงทุกขณะ ขณะที่สิ้นปี 2566 ฟื้นตัวกลับมาได้จากอานิสงส์การเปิดตัว iPhone 15

Counterpoint Research รายงานว่า ยอดขาย iPhone ในจีนลดลง 19.1% ในไตรมาส 1/2567 เป็นรอง Vivo และ Honor อันดับหนึ่ง และสอง ขณะที่ Huawei เติบโตขึ้น 69.1% ขึ้นมาอยู่อันดับสี่ หายใจรดต้นคอ Apple ที่อันดับสาม

ปัจจัยสำคัญที่อาจชี้ชะตาคือฟีเจอร์ AI ที่ปัจจุบันแบรนด์มือถือแทบทุกค่ายพร้อมใช้เป็นฟังก์ชั่นพื้นฐาน ทั้งด้านภาษา รูปภาพ และวิดีโอ ขณะที่การใช้งานขั้นสูงที่หลายฝ่ายมองว่า Apple Intelligence จะเข้ามาปฏิวัติมาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้นั้น อาจต้องรอไปอีกสักพัก

และที่สำคัญ Apple Intelligence ต้องประมวลผลข้อมูลทั้งบนเครื่อง บนคลาวด์ของตน และคลาวด์ของ Thrid Party อย่าง OpenAI จะโดน “มหากำแพงหมื่นลี้” ของนโยบายรัฐจีน กีดกันไม่ให้ผู้ใช้ในจีนใช้ AI ของต่างชาติได้ เพราะ AI กลายเป็นเรื่องของความมั่นคงไข้อมูลไปแล้ว

เมื่อซอฟต์แวร์ต่างกีดกันซึ่งกันและกัน การตัดสินใจเลือกแบรนด์ท้องถิ่นจะยังประโยชน์แก่ผู้ใช้มากกว่า ยิ่งรวมกับฮาร์ดแวร์ระดับพรีเมี่ยมอย่าง Mate XT ที่เปิดตัวล่าสุดด้วย ทั้งยังมีแบรนด์ต่างถิ่นอย่าง Samsung รุกเข้ามาทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่รุ่นล่างถึงกลาง และรุ่นพรีเมี่ยมที่จะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี 2568

ปีนี้ปีหน้าจึงเป็นอีกปีที่ “เหนื่อย” สำหรับ Apple ในตลาดจีน

ต้องจับตาต่อไปว่า Apple จะงัดท่าไหนมาแก้เกมในศึกนี้ ทั้งในแง่ของฮาร์ดแวร์ หรือรีบอัพเกรด iOS 18 เพื่อโชว์ความสามารถว่าซอฟต์แวร์ที่ซุ่มพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทำงานร่วมกับ iPhone ได้น่าทึ่งแค่ไหน

© Copyright @2024 LIDEA. All Rights Reserved.