พิพัฒน์ ลุยขึ้นค่าแรง 400 เมิน “นายจ้าง” เทประชุมซ้ำ ใส่เกียร์เดินหน้าสู่เป้าหมาย
Song Online September 16, 2024 11:01 PM

พิพัฒน์ แจงตัวแทนนายจ้าง ไม่ร่วมประชุมไตรภาคีถกขึ้นค่าแรง 400 เหตุติดภารกิจ นัดอีกครั้ง 20 ก.ย.นี้ ฮึ่มรอบ 2 ไม่มาอีกถือว่าสละสิทธิ์ เดินหน้าโหวตสู่เป้าหมายประกาศให้ทัน 1 ต.ค.

วันที่ 16 กันยายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ที่ตัวแทนฝ่ายนายจ้างติดภารกิจไม่เข้าร่วมประชุม ว่า เมื่อบ่าย ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มีการประชุมกับผู้แทนส่วนของลูกจ้าง และผู้แทนส่วนของภาคราชการ คณะกรรมการมาพบกันทั้ง 10 คน

โดยตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ทราบว่าติดภารกิจไม่สามารถมาเข้าร่วมประชุมในวันนี้ได้ ทั้งนี้ปลัดกระทรวงแรงงานจะได้ทำหนังสือเชิญไปยังกรรมการฝ่ายนายจ้างอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้มีการประชุมในวันศุกร์ที่ 20 กันยายนที่จะถึงนี้

“ผมขอความกรุณากรรมการฝ่ายนายจ้าง ทั้ง 5 ท่าน อย่างไรก็ตามท่านก็ควรมาใช้สิทธิของท่านในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการไตรภาคี เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งแน่นอนว่าถ้ากรรมการฝ่ายลูกจ้างมาครบ กรรมการฝ่ายราชการมาครบ แต่ถ้าหากท่านไม่มาประชุม ท่านปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานบอร์ดไตรภาคี ก็คงมีมาตรการในการที่จะเดินหน้าในการประชุม เพราะด้วยระเบียบและกฎเกณฑ์ของการเรียกประชุม เพราะเรามีกฎเกณฑ์ของเราอยู่แล้ว ผมก็อยากเชิญกรรมการฝ่ายนายจ้างขอให้เข้ามาหารือในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ที่กระทรวงแรงงาน” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือจากสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และหอการค้าจังหวัดเกือบทุกจังหวัด รวมถึงสภาอุตสาหกรรมจังหวัดด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะขึ้นค่าแรง การที่จะพร้อมหรือไม่พร้อมผมขอให้มองถึงมิติว่า ในวันนี้ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันได้ขึ้นราคาไปล่วงหน้าแล้ว หากรัฐบาลยังไม่ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตนคิดว่าเพื่อนๆ ผู้ใช้แรงงานคงรับไม่ไหว

ซึ่งต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ไม่ค่อยดี ยังไม่ฟื้นตัว ก็หวังว่าหลังจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้ามาบริหารประเทศ ก็น่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการแจกเงินให้กับผู้ด้อยโอกาส หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12 ล้านคน และบัตรคนพิการอีกประมาณ 2 ล้านคนเศษ รวมแล้วประมาณ 14.5 ล้านคน งบประมาณ 145,000 ล้านบาท เมื่อเงินก้อนนี้เข้าสู่ระบบก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนที่ดีขึ้น เศรษฐกิจของเราก็จะค่อยๆ ทยอยดีขึ้น

แต่ก่อนที่จะมีเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบนั้น ขณะนี้งบประมาณในปี 2567 เรากำลังใช้อย่างเต็มที่ และมีความมั่นใจว่างบประมาณของปี 2567 ถึงแม้ว่าจะมาช้าแต่เราในฐานะที่เป็นกระทรวงแรงงานรวมถึงกระทรวงอื่นๆ ได้มีการเร่งทำการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ทันในการสิ้นสุดปีงบประมาณ

นี่คืออีกส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อน และหมุนเวียนได้เร็วขึ้น และหวังว่าในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้ งบประมาณจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเช่นกัน ซึ่งเราจะได้เห็นเศรษฐกิจของประเทศไทยเราเจริญเติบโต สอดคล้องกับการที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโตไม่น้อยกว่า 2.4 – 2.6 ของจีดีพี

ซึ่งตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อเงินเข้าสู่ระบบแล้วขอให้พวกเราช่วยกันเอามาใช้ทำให้เกิดการหมุนเวียนมาก ทำอย่างไรก็ได้ให้ปีปฏิทิน 2567 กระเตื้องให้ได้ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าปีนี้เราทำได้ 3 เปอร์เซ็นต์ ปีหน้าก็มั่นใจว่าเราน่าจะมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตของจีดีพีสูงกว่า 3 เปอร์เซ็นต์

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ประการหนึ่งเราคงจะเห็นว่าวันนี้ตลาดหลักทรัพย์ก่อนที่ท่านนายกรัฐมนตรีแพทองธาร จะเข้ามาแถลงนโยบาย สิ้นสุดรัฐบาลท่านนายกเศรษฐา ทวีสิน ตลาดหลักทรัพย์เราอยู่ที่ประมาณ 1,200 กว่าจุด เมื่อมีการประกาศมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ราคาหรืออินเด็กซ์ของเซตในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยเราขยับจาก 1,200 กว่าจุด ปัจจุบันนี้ก็ประมาณใกล้เคียง 1,440 กว่าจุด

ณ ขณะนี้ ซึ่งมั่นใจว่าตลาดหลักทรัพย์เข้ามาก็แสดงว่ามีเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นในประเทศไทย เมื่อเงินที่ไหลออกไปก็มีกลับเข้ามาใหม่สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ เศรษฐกิจเราจะดีขึ้น แต่มีข้อไม่ดีอย่างนึงก่อนหน้านี้ เงินไหลออก ค่าเงินบาทอ่อนผู้ส่งออกก็จะประสบความสําเร็จ ซึ่งตรงนี้ก็ได้รับ เมื่อขายเป็นยูเอสดอลลาร์โอนกลับมาเราได้บาทต่อเหรียญ

แต่ขณะนี้เงินนอกเข้ามาสู่ประเทศไทยบาทจะแข็ง ผู้ส่งออกก็จะเสียโอกาสก็คือจาก 36 บาทเหลือ 33 บาทกว่า เพราะฉะนั้นส่งออกเงินบาทแข็ง คู่ค้าที่ส่งออกกําไรน้อยลงแต่ในทางกลับกันบริษัทที่นําเข้าบาทแข็ง เขาก็จะมีต้นทุนที่ถูกลงเพราะฉะนั้นในส่วนนี้ทั้งบริษัทนําเข้าและส่งออกก็จะอยู่ในสถานที่สมดุลกัน ซึ่งเมื่อสมดุลกัน ตนก็จะเอาปัจจัยของความสมดุลของตลาด

เราคงจะต้องเดินหน้าตามเป้าหมาย คือ ต้องประกาศค่าแรงขั้นต่ำที่ 400 บาท ในวันที่ 1 ตุลาคมอย่างแน่นอน การที่กรรมการที่เป็นฝ่ายนายจ้างท่านไม่มาประชุม ท่านปลัดกระทรวงแรงงาน ก็คงจะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เมื่อครั้งที่ 2 ไม่มาประชุมอีก เราจะใช้กรรมการที่มีอยู่ในห้องประชุม แต่ต้องมีไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 เป็นการโหวต เมื่อโหวตตรงนั้นท่านไม่มาใช้สิทธิ์ของท่าน เราถือว่าท่านสละสิทธิ์ เราก็จะต้องโหวตและเดินหน้าไปตามนโยบาย

“สิ่งต่างๆ ผมที่กล่าวในสภาก็หมายความว่า พวกเราชาวกระทรวงแรงงาน เราอยู่ตรงกลางเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องทําอย่างไรให้อยู่ในจุดสมดุลที่ดีที่สุด ตัวผมเอง ท่านปลัด ท่านอธิบดี หรือผู้บริหารในกระทรวงแรงงาน ทุกกรมพวกเราต้องพยายามหาจุดสมดุลให้ดีที่สุด เพื่อให้นายจ้าง ลูกจ้าง ต้องเดินหน้าไปพร้อมๆ กันให้ได้

ส่วนกรณีที่จะต้องมีการเยียวยาจากกระทรวงการคลัง ตนเองได้หารือกับท่านปลัดแล้ว และท่านปลัดได้เดินทางไปเจรจากับทางกระทรวงการคลังแล้ว ซึ่งทางสภาพัฒน์เองก็มีข้อยุติในระดับนึง

ส่วนมาตรการของกระทรวงแรงงาน ในเรื่องของประกันสังคม เรามีข้อยุติเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อก่อนที่จะประกาศค่าแรงขั้นต่าที่ 400 บาท ในการประชุมในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เมื่อประชุมเสร็จเราก็จะสรุปและนํามาตรการต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่ามีมาตรการอะไรที่จะไปช่วยเหลือให้กับนายจ้างบ้าง

ซึ่งแน่นอนในปี 2555 เรามีประสบการณ์นี้ไปแล้ว เราก็จะล้อประสบการณ์จากปี 2555 มาใช้ให้ได้มากที่สุดสําหรับปี 2567 เช่นกัน” นายพิพัฒน์ กล่าว

© Copyright @2024 LIDEA. All Rights Reserved.