"ชาญชัย"โพสต์คลิป  "พุทธทาส" เตือนนักการเมืองเรียนรู้ก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญ หมวดจริยธรรม หวังป้องกันไม่ให้คนประวัติไม่ดี เคยทุจริต ทำผิดกฎหมาย เคยถูกศาลสั่งจำคุกได้มาปกครองประเทศ

เมื่อวันที่ 20 ก.ย.67 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีพรรคเพื่อไทยยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้านจริยธรรมนักการเมืองให้อ่อนลงและลดทอนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ มีข่าวว่านักการเมืองและพรรคการเมืองจะขอแก้ไขว่าด้วยเรื่องหมวดจริยธรรม ทั้งที่นักการเมืองต้องมีคุณภาพสูงกว่าประชาชนทั่วไป เพราะเป็นผู้นำสังคมและประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปนั้น ก็มีจริยธรรมให้ยึดปฏิบัติ คือถ้าเป็นชาวพุทธจะใช้ศีล 5 และศีล 8 เป็นเกณฑ์ปฏิบัติ ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือละเมิดผู้อื่น ไปกระทำการทุจริตด้วยกายวาจาใจ ถ้านักการเมืองคิดจะแก้จริยธรรม หมายความว่าท่านกำลังแก้กติกาให้คนไม่ดี คนที่ทำผิดกฎหมาย คนที่คิดเคยทุจริต ประพฤติมิชอบที่ถูกศาลตัดสินมาแล้ว ไม่เคารพและไม่เคารพกติกา กลับมาเป็นผู้นำของประเทศ ถามว่าแล้วประเทศจะสงบเป็นสุขได้อย่างไร จะเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร เมื่อได้คนไม่ดีมาปกครอง ผมจึงขอส่งคลิปของท่านเจ้าคุณ สมเด็จ ป.อ. ปยุตโต และท่านพุทธทาส มาให้ประชาชนเรียนรู้และศึกษาว่าที่นักการเมืองจะแก้รัฐธรรมนูญ ในหมวดดังกล่าวเรื่องจริยธรรมเพื่อแก้ให้คนไม่ดี ที่เราเรียกว่าคนชั่ว มาปกครองบ้านเมือง หรือจะร่วมกันต่อต้าน แก้ไขป้องกันไม่ให้คนประวัติไม่ดี เคยทุจริต ทำผิดกฎหมาย เคยถูกศาลสั่งจำคุกได้มาปกครองประเทศอีก พี่น้องประชาชนต้องการแบบไหน

นายชาญชัย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในฐานะที่ตนเป็นนักการเมือง เคยเป็น ส.ส.เรื่องจริยธรรมของนักการเมือง คนที่เป็นผู้นำสังคมในพื้นที่เขตเลือกตั้งเป็นตัวแทนของประชาชน แม้จะเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล แต่การจะแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อให้คนที่เคยถูกศาลสั่งจำคุก เคยมีคดีทุจริตคอรัปชั่น เคยทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเสียหาย คนเหล่านี้ไม่ควรเข้ามาเป็นผู้นำสังคม หรือผู้นำประเทศแล้วและไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว เพราะงานการเมืองเป็นงานอาสาที่ต้องการคนดีเข้ามาทำงานและเป็นแบบอย่างเพื่อให้คนรุ่นหลังยึดเป็นตัวอย่างและกำจัดคนชั่วออกจากวงการเมือง ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนชั่วได้มีอำนาจทางการเมืองอีก ดังนั้นจริยธรรมนักการถือเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ต้องมีมากกว่าประชาชนทั่วไป ประชาชนมีศีล5 เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว นักการเมืองยิ่งต้องมีจริยธรรมมากกว่าชาวบ้านทั่วไป ยิ่งนักการเมืองบางคน บางกลุ่มมีกิเลสหนา อยากได้ ใคร่มีอยากได้ตำแหน่งยิ่งต้องมีจริยธรรมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวไม่ให้ทำผิด ตนจึงคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องจริยธรรมนักการเมือง โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งมีความหมายชัดเจนในตัวอักษรแล้ว ถ้าไม่ใช่คนไร้ปัญญาคงจะเข้าใจ และเห็นด้วยว่าถ้ามีคดีเคยถูกจำคุก หรือทุจริต และไม่ควรได้รับการลดโทษใดๆ ถ้าเป็นคดีทุจริตคอรัปชั่น เช่น กรณีน้ำท่วมในปี 2554 ที่ตนเคยตรวจสอบเป็นการทุจริตงบประมาณนับแสนล้าน และคิดว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่คงไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ที่จะให้โอกาสคนชั่วมาปกครองบ้านเมือง รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ชัดเจนดีแล้ว

"ความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ก็ชัดเจนในตัวเองว่า ต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์และสุจริต ไม่มีพฤติกรรมฉ้อฉล หรือวางแผนให้เกิดการคอรัปชั่น หรือ ทุจริตเชิงนโยบายในอนาคตไม่ว่า การร่างกฎหมาย หรือการอนุมัติโครงการของรัฐ หรือแม้แต่มติครม. รวมถึงมติของที่ประชุมสส.ในสภาฯ ล้วนต้องใช้จริยธรรมประจำตัวคือ หิริโอตัปปะ หรือความเกรงกลัวละอายต่อบาป หากคนเป็นนักการเมืองไม่มีสิ่งนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรกันแล้วในระยะ20ปีที่ผ่านมา นักการเมืองที่ชอบอ้างตัวว่ามาจากระบอบประชาธิปไตย ได้รับการไว้วางใจจากประชาชนเลือกเป็นตัวแทนฯ สรุปแล้วพบว่ามีการทุจริตกว่าแสนล้านบาทต่อปี และเคยถวายฎีกาฯไปแล้ว 10 ปี เสียหายราว 4 แสนล้าน 20ปี ราว 8 แสนล้าน นี่ขนาดเขียนชัดเรื่องจริยธรรม ยังทุจริตกันขนาดนี้ ถ้ามีการแก้ไขให้คนชั่วเข้ามามีอำนาจบริหารบ้านเมือง จะยิ่งทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายหนักยิ่งกว่านี้แน่ และเป็นเงินภาษีของประชาชนที่คุณอาสามาทำงาน คุณไม่ได้เป็นเจ้าของงบฯเหล่านี้ นี่เป็นชาติบ้านเมือง ไม่ใช่บริษัท ที่จะมาทำการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิจัดตั้งบริษัทส่วนตัว บ้านเมืิงที่ตกหล่มไปไม่รอดก็เพราะ พวกเรานักการเมืองทำชั่วกันไว้เอง นักการเมืองที่ดีก็มีขอให้ออกมาพูด มาทำความเข้าใจคัดค้านเรื่องนี้ด้วย ผมยังเชื่อว่านักการเมืองดีๆ ยังมีอีกมาก ออกมาช่วยกัน" นายชาญชัย กล่าว