"คุณหญิงสุดารัตน์"ชี้สร้างความเข้มแข็งให้คนตัวเล็ก SMEs เป็นเรื่องสำคัญ กระทุ้งรัฐเร่งแก้หนี้ครัวเรือน หนี้เสียที่พุ่งไม่หยุด ปรับโครงสร้างหนี้ เติมทุน เพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ประเทศ ด้วยกองทุน SMEs และกองทุนเครดิตประชาชน 

เมื่อวันที่ 21 ก.ย.67 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้รับเชิญให้ไปบรรยายพิเศษในหัวข้อ "สถานการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ" จัดโดย สมาคมเครือข่ายผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนนานาชาติ โดยเห็นด้วยกับแนวทางของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ชี้ว่าการฟื้นตัวและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจะมองเพียงตัวเลขของ GDP ประเทศอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริงให้แก่ครัวเรือนโดยเฉพาะประชาชนคนตัวเล็ก ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน โดยเห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้แก้ไขปัญหาใหญ่ของประเทศนั่นคือหนี้ภาคครัวเรือน ในระบบเครดิตบูโรกว่า 13.6ล้านล้าน ซึ่งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเพิ่มจาก 50% เป็น 91.3% ต่อ GDP ปัจจุบัน 38% ของคนไทยมีหนี้ในระบบเฉลี่ยคนละ 540,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมหนี้นอกระบบ ที่ประเมินว่าอาจสูงถึง 3.48 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 19.52% ของ GDP หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 5 ของหนี้ครัวเรือน

สำหรับหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น 3 ลำดับแรก ได้แก่ หนี้เสียจากสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้น18% หนี้เสียจากสินเชื่อรถยนต์ เพิ่มขึ้น 32 % หนี้เสียส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 12% และหนี้เสียที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 14.6% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หนี้สินที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อการลงทุน แต่ส่วนใหญ่ “กู้ไปกินไปใช้” ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรายได้ ประชาชนไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่ข้อเท็จจริงคือรายได้ลดลงราย ขณะที่จ่ายเพิ่มขึ้นของแพงทั้งแผ่นดิน ซึ่งกระทบไปถึงชนชั้นกลาง ผู้ประกอบการ SMEs ไปจนถึงโรงงานที่ทยอยปิดตัวเพิ่มขึ้น

พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือการปรับโครงสร้างหนี้และเร่งเติมทุน โอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนจะต้องมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs จะต้องจัดตั้งกองทุน SMEs ขึ้นมา แต่ปัจจุบันพบว่ามี SMEs ไม่ถึง 400,000 ราย ที่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ และรัฐบาลต้องคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะสามารถนำเงินมาเติมให้กับคนตัวเล็กได้เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยขอให้ช่วยกันสนับสนุน กองทุนเครดิตประชาชน เพราะจะช่วยให้คนตัวเล็กตั้งตัวได้ เป็นสินเชื่อรายย่อยที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันดอกเบี้ยตํ่า ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน วงเงินกู้ตั้งแต่ 10,000 บาท จนถึง 100,000 บาท โดยนำไปใช้ประกอบอาชีพ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอันเนื่องมาจากปัญหาหนี้ทั้งในและนอกระบบ

ที่สำคัญ รัฐต้องเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยต้องใช้เงินงบประมาณเพื่อการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ให้กับคนตัวเล็กคนชั้นกลางและ SMEs

-ต้องเปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งทุนเช่นกองทุน SME กองทุนเครดิตประชาชน การเข้าถึงเทคโนโลยี ความรู้ และการตลาด

- รัฐต้องส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านต่างๆเพื่อให้ ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ สร้างFuture Skill ให้คนไทย สำคัญที่สุดคือการปฏิรูปการศึกษา

- รัฐต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรม โครงสร้างเศรษฐกิจ

-รัฐต้องเร่งปฏิรูป โครงสร้างด้านการเกษตร

สำหรับการจัดสรรงบประมาณของรัฐต้องตอบสนองปัญหาที่เกิดขึ้นของประเทศ เพราะงบส่วนใหญ่ถูกทุ่มไปกับการปรับปรุงถนนหรือการก่อสร้างสะพาน จึงขอฝากถึงผู้มีอำนาจว่าการจัดสรรงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากทุ่มงบประมาณไม่ถูกทิศถูกทางก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาในเชิงลึกของประเทศได้