จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว นครราชสีมา ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ภายในไร่ปายูคาลิปตัส ด้านทิศตะวันตก ของหมู่บ้านบะด่าน หมู่ 5 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังนำเขียว ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือนายอำนาจ หรือตาบี้ อายุ 49 ปี จากการตรวจสอบร่องรอย คนร้ายได้ชิงสร้อยคอทองคำ น้ำหนักประมาณ 2 บาท และทรัพย์สินอื่นๆ หลบหนีลอยนวลไป เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 10 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค3 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.อุดมทรัพย์ ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายสายชล หรือเต๋า อายุ 33 ปี จับกุมได้เมื่อคืนวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ระหว่างที่สอบปากคําอยู่ พนักงานสอบสวนได้ส่งหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 504/2567 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แสดงหมายจับกับนายสายชล หรือเต๋า ดูและอ่านให้ฟังเป็นที่เข้าใจดีแล้ว โดย นายสายชล หรือเต๋า ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ขณะเดียวกันบริเวณด้านลานจอดรถสถานีตำรวจ ฯ มีบรรดาญาติ พี่น้อง ผู้เสียชีวิตรอเฝ้าดูหน้าผู้ก่อเหตุ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยกเลิกการทำแผน เกรงจะเกิดประชาทัณฑ์ หรือเหตุวุ่นวาย
จากการสอบสวนนายสายชล หรือเต๋า ผู้ต้องหา อ้างว่า วันเกิดเหตุวันที่ 5 พ.ย. เวลาประมาณ 07.50 น. ตนได้โทรไปหานายอำนาจ ว่าจะเอายาบ้าไหม นายอำนาจฯ บอกว่าเอา พร้อมกับถามว่าขายเม็ดเท่าไร ตนจึงตอบไปว่า 50 บาท นายอำนาจฯ บอกให้เอามาเลย ตนเองบอกว่าหางานก่อนเดี่ยวเอาไปให้ที่ไร่นายอำนาจ เมื่อพบกันในที่เปลี่ยวลับตาผู้คน จากนั้นชักชวนกันเสพยาบ้า โดยนายอำนาจ ผู้ตายได้ใช้ให้ตน ไปหยิบอุปกรณ์การเสพยา วางที่ท้ายรถยนต์ ส่วนนายอำนาจฯ นั่งลอกฟอยล์อยู่ข้างรถ ขณะนั้นตน ได้เตรียมหยิบจอบที่อยู่ในท้ายรถยนต์ของนายอำนาจฯ แล้วใช้อุบายแกล้งทำเป็นดายหญ้าอยู่ด้านข้างนายอำนาจฯ อาศัยจังหวะเผลอ ใช้สันจอบตีศีรษะของนายอำนาจฯ จนล้มลง และตีที่ขาอีกที เห็นนายอำนาจฯ นิ่งไป ตนจึงปลดเอาสร้อยทองที่คอนายอำนาจฯ สวมอยู่ และเปิดกระเป๋าสะพายสีดำของนายอำนาจฯ เพื่อเอาโทรศัพท์มือถือ แล้วรีบซิ่งรถจักรยานยนต์ออกมา ขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ของตนออกมาจากที่เกิดเหตุ ระหว่างทางได้ปิดเครื่องโทรศัพท์ของนายอำนาจฯ ทิ้งลงน้ำที่สะพานห้วยบงตรงข้าม อบต.อุดมทรัพย์
หลังจากทำงานเชื่อมเหล็กที่บ้านโนนสง่าเสร็จสิ้น เวลาประมาณ 11.30 น. ได้กลับมาที่บ้านอุดมทรัพย์พัฒนา ตนได้บอกเมียว่าเขาโทรบอกให้ไปเอารถ จึงถอดเสื้อแขนยาวตัวที่สวมใส่ไปก่อเหตุออก แล้วเอาเสื้อวอมสีน้ำเงินเข้มแถบแพนปกคอสีขาวใส สวมหมวกกันน็อคสีดำ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปเติมน้ำมันที่ ปั้มน้ำมันบางจาก บ้านบะไหญ่ มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองโคราชเพื่อนําทองไปขายที่ร้านทองได้เงิน 80,300 บาท
เมื่อขายทองเสร็จ ได้แวะโอนเงินใช้หนี้เจ้าของรถที่ตนเองรับจ้างบดปุ๋ย ที่ร้านสะดวกซื้อจำนวนเงิน 28,500 บาท และออกมาแวะเข้าปั๊มน้ำมันฝากเงินที่ร้านสะดวกซื้อ เข้าบัญชีของตน 30,000 บาท และโอนจ่ายค่างวดรถ 12,000 บาท หลังจากนั้น ได้โทรศัพท์ติดต่อหาเสี่ยจงฯ คนที่ตนเองเอารถไปจำนำไว้ เพื่อไถ่ถอนรถยนต์กระบะออกมา และฝากเงินเข้าบัญชีตนอีก 18,000 บาท หลังจากนั้น ได้โอนเงินให้เสี่ยจงฯ 15,000 บาท เป็นค่าไถ่ถอนรถยนต์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแจ้งข้อหา ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นได้ควบคุมตัวนําส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านลูกสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจและโล่งใจที่พ่อตนไม่ตายฟรี ส่วนผู้ก่อเหตุตนรู้จักเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นสามีของเพื่อนสาว และในวันประกอบพิธีฌาปนกิจพ่อ ผู้ก่อเหตุยังมาร่วมงานด้วย ตนยังยกมือไหว้ขอบคุณอยู่เลย ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนฆ่าพ่อของตน แต่ผู้ก่อเหตุ ไม่ได้แสดงอาการพิรุธ ทำตัวนิ่งปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รวมทั้งภรรยาผู้ก่อเหตุยังมาแสดงความเสียใจกับตนอยู่เลย โดยภรรยาผู้ก่อเหตุ อ้างไม่ทราบ และไม่เชื่อว่าสามีเป็นคนลงมือก่อเหตุ