บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจในสหรัฐคำนวณว่าหากมีการเก็บภาษีนำเข้าตามที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไว้ ต้นทุนการผลิตต่อรถยนต์ในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นคันละ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 136,860 บาท) คาดต้นทุนโดยรวมทั้งอุตสาหกรรมเพิ่มปีละ 40,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.37 ล้านล้านบาท)
นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2024 ว่า นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐ อาจทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นรวมหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ทรัมป์มีแผนจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างต่ำ 60% และจะเก็บจากสินค้านำเข้าทุกรายการจากทุกประเทศอย่างไม่มีการยกเว้นในอัตรา 10% – 20% รวมถึงสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งมีข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา (USMCA) ด้วย
ทั้งนี้ หากทรัมป์ตั้งใจจะประกาศใช้ภาษีนำเข้าตามที่ประกาศไว้จริง จะไม่มีอะไรหยุดยั้งเขาได้ เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐมีทางเลือกที่จะจัดเก็บภาษีได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา โดยใช้รัฐบัญญัติรัฐบัญญัติว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในภาวะฉุกเฉิน (International Emergency Economic Powers Act)
การเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ ซึ่งมียอดขายรถยนต์ 15 ล้านคันต่อปี เนื่องจากชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐส่วนใหญ่นำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และญี่ปุ่น
ตามตัวเลขที่แอลิกซ์พาร์ตเนอร์ส (AlixPartners) บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจของสหรัฐคำนวณไว้ หากมีการกำหนดภาษีศุลกากรในอัตราสูงสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่อรถยนต์ในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นคันละ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 136,860 บาท) ซึ่งหากพิจารณาจากจำนวนการผลิตรถยนต์ในสหรัฐปีละราว 10 ล้านคัน ก็จะทำให้ต้นทุนโดยรวมทั้งอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 40,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.37 ล้านล้านบาท)
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเม็กซิโกได้ใช้ประโยชน์จากข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 นี้ เม็กซิโกส่งอกชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังสหรัฐ คิดเป็น 41% ของชิ้นส่วนทั้งหมดที่สหรัฐนำเข้าในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เพิ่มการซื้อจากเม็กซิโกแทนจีน
หากมีการกำหนดภาษีศุลกากรตามที่ทรัมป์ประกาศไว้ ไม่เพียงแต่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้นที่จะถูกบังคับให้เพิ่มการผลิตในสหรัฐ แต่ยังรวมถึงภาคอุตสาหกรรมการผลิตอื่น ๆ เช่น เหล็ก และเครื่องจักรด้วย
แท็กซ์ ฟาวเดชัน (Tax Foundation) สถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเมินว่า ภาษีศุลกากรดังกล่าวอาจเพิ่มรายได้ของสหรัฐได้ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในระยะยาว แต่มีความกังวลว่าภาคธุรกิจจะชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นโดยการขึ้นราคาสินค้า
โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motors) บริษัทรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกจากญี่ปุ่นได้ประกาศแผนการลงทุน 1,450 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 49,600 ล้านบาท) ในประเทศเม็กซิโกเพื่อเพิ่มการผลิตรถกระบะทาโคมา (Tacoma) รุ่นต่อไปสำหรับขายในตลาดสหรัฐ แต่อนาคตของแผนดังกล่าวเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังทรัมป์คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ