วันนี้ (13 พ.ย.67) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มีการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และยังคงมีผู้สนใจยื่นคำขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวนมาก
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รองรับความต้องการมีที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้อย่างเพียงพอ และเข้าถึงสินเชื่อภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน
รวมทั้งเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้กับประชาชน กระทรวงการคลังจึงได้เสนอมาตรการสินเชื่อซื้อ-ซ่อม-สร้าง ซึ่งคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 12 พ.ย.67 มีมติเห็นชอบแล้ว โดยมีสาระสำคัญของมาตรการ ดังนี้
นายพรชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีสถาบันการเงินเฉพาะกิจแห่งอื่น ได้แก่ ธนาคารออมสิน ที่ดำเนินโครงการช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1.สินเชื่อบ้านออมสินสบายใจ วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นสินเชื่อสำหรับซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัย วงเงินต่อรายสูงสุดไม่เกิน 7,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ร้อยละ 2.89 ต่อปี
และ 2.สินเชื่อ Top Up สบายใจ สำหรับกู้เพิ่มเติมซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน หรือสิ่งจำเป็นอื่นในการเข้าอยู่อาศัย วงเงินกู้ไม่เกินร้อยละ 10 ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี อยู่ที่ร้อยละ 3.49 ต่อปี โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 หรือจนกว่าธนาคารออมสินให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการ
นายพรชัยกล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง
“รวมทั้งเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้กับประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินในอนาคต ตลอดจนการสร้างเสถียรภาพและการยกระดับภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเข้มแข็งและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างมั่งคงในอนาคตต่อไป”นายพรชัยกล่าว