เปิดงบฯ หุ้นร้านทอง “AURA” ไตรมาส 3 กำไร 205 ล้านบาท พุ่งกว่า 44% จากปีก่อน ขณะที่รวม 9 เดือน 824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% “บล.กสิกรไทย” เผยกำไรมาจากการขยายสาขาดันยอดขายทองคำพุ่ง รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยจากการรับจำนำทอง ชี้เป็นไปตาม “พฤติกรรมผู้บริโภค” ช่วงราคาทอง “ขาขึ้น”
บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 7,878.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% โดยการเติบโตของรายได้มาจากการขยายตัวของธุรกิจ Modern Gold ทั้งจากยอดขายจากสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่ รวมถึงรายได้จากดอกเบี้ยขายฝากที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของลูกหนี้
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.5% ซึ่งแสดงถึงการบริหารจัดการต้นทุนราคาทองคำที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 204.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.7% YOY โดยมีผลมาจากการเติบโตของยอดขายและรายได้จากดอกเบี้ยขายฝาก
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2567 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) บริษัทมีรายได้รวม 7,878.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% แม้ว่าจะมีความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยที่ส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัว และในช่วง Low Season ของธุรกิจ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นยังคงอยู่ที่ 10.5% ลดลงจากไตรมาส 2/2567 ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.3%
ขณะที่กำไรสุทธิ 204.9 ล้านบาท ลดลง 40.6% QOQ เนื่องจากไตรมาส 2/2567 ได้รับอานิสงส์จากการรับซื้อช่วงปลายปี 2566 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรที่สูงในไตรมาสที่ผ่านมา
ด้านผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้รวม 23,564.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% จากการขยายสาขาในธุรกิจ Modern Gold และการเติบโตของธุรกิจขายฝากที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.5% เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในปีที่แล้ว กำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 2,699.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5% สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่กำไรสุทธิ 9 เดือนอยู่ที่ 824.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% จากสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าของธุรกิจ Modem Gold และธุรกิจขายฝาก
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตรวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 ของ บมจ.ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) มีกำไรสุทธิ 205 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
โดยรายได้จากการดำเนินการอยู่ที่ 7,878.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% โดยรายได้ที่เติบโตมาจากการเปิดสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งการขายทองและการขายฝากทองคำ ซึ่งเป็นการที่ลูกค้านำทองมาวางเป็นหลักประกันเหมือนกับการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้น รายได้จากร้านทองจะเป็นรูปแบบของดอกเบี้ย
“กำไรสุทธิของ AURA ที่เติบโตได้มากกว่ารายได้นั้น เป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภค หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างสูง นักลงทุนจะซื้อทองช้าลง แต่จะนำทองคำมาขายคืนมากขึ้น จึงจะเป็นการบันทึกผ่านต้นทุนการขายที่ลดลง จึงทำให้กำไรขยายตัวขึ้น”
ทั้งนี้ นับจากต้นปีมา (YTD) ราคาทองคำ Spot ปรับเพิ่มขึ้น 36% ขณะที่ทองคำในประเทศเพิ่มขึ้น 28% เป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่า จึงทำให้ทองคำในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าทองโลก
“ปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคํามาจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียด, สงคราม และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะช่วยหนุนราคาทองคําให้สูงต่อไป และแม้ AURA จะมีค่ากําเหน็จทองคําสูงกว่าร้านทองทั่วไป แต่ก็มีจุดแข็งในด้านอื่น ๆ เช่น ส่วนลดราคาที่แข่งขันได้สูง และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสําหรับการรับซื้อคืนทองคําและสินเชื่อทองคํา”
นายพิสุทธิ์กล่าวอีกว่า บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” AURA โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 18.48 บาท จากอัตรากำไรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำไรที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ประมาณ 40% ปัจจุบันหุ้นซื้อขาย P/E 17 เท่า แสดงให้เห็นว่าตลาดอาจจะยังมีความสงสัยกับความสามารถในการเติบโตของธุรกิจ
เนื่องจากปกติหากบริษัทที่ทำกำไรได้สูง นักลงทุนมักจะให้ค่าพรีเมี่ยมที่ค่อนข้างสูง แต่ AURA ยังไม่เป็นแบบนั้น อาจจะเป็นเรื่องความยากในการเข้าใจธุรกิจ จึงทำให้ตลาดยังไม่ได้ใส่มูลค่าเข้าไปอย่างที่ควรจะเป็น
“เรามองว่าความคลาดเคลื่อนดังกล่าวจะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนใน AURA หากกำไรปีนี้โต 40% ปีหน้าโต 20% แต่หุ้นเทรดอยู่ที่ P/E 15-16 เท่า มีโอกาสที่จะเห็น P/E เพิ่มขึ้นได้” นายพิสุทธิ์กล่าว