อนุทินย้ำพรรคร่วมรัฐบาลเป้าหมายเหมือนกัน ทำประโยชน์ให้ประชาชน-ประเทศ หลังทักษิณชมพรรคร่วมสามัคคีดี ยันเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่เคยขัดแย้งปมเขากระโดง ขอคนไม่อยู่ในวงอย่าคาด ชี้ไม่มีเหตุต้องปกป้องใคร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปปราศรัยที่จังหวัดอุดรธานี โดยกล่าวช่วงหนึ่งระหว่างปราศรัยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายอนุทิน เรื่องการปราบปรามยาเสพติดว่า คุยกันอยู่ทุกวัน ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ การป้องกันปราบปรามทำลายล้างยาเสพติด เป็นนโยบายที่ทางพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคภูมิใจไทย เห็นพ้องต้องกันแบบไม่มีข้อแตกต่าง มุ่งมั่นตั้งใจ ปราบปรามยาเสพติดให้ได้มากที่สุด
ซึ่งการจะบอกให้ปราบปรามโดยสิ้นซาก คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ผลิตในประเทศไทย แต่ยาเสพติดเหล่านี้ถูกผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งที่เราทำได้คือการสร้างอุปสรรคทุกอย่าง ในการลำเลียงขนส่งยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย จะเห็นได้จากข่าวว่ามีการจับกุม ทำลายล้าง ดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ยาเสพติดเหล่านี้เข้ามาในประเทศไทยทุกรูปแบบ
ส่วนการกวาดล้างจะเข้มข้นเหมือนยุคที่นายทักษิณเป็นนายกฯหรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ต้องเอาให้เข้ม นายกฯแพทองธารมีความเกลียดชัง รังเกียจ การค้ายาเสพติด ไม่น้อยกว่าอดีตนายกฯทักษิณ รวมถึงนายเศรษฐาด้วย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยทำอยู่ตลอดทุกจังหวัด
เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่หลังนายทักษิณเริ่มลงพื้นที่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนคิดว่าคนไทยทุกคน ถ้าคิดจะทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ทำแล้วประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนช่วยกันทำประเทศไทยจะดีขึ้น
ส่วนจะสะท้อนภาพรัฐบาลแน่นปึ้ก เพราะนายทักษิณ ระบุว่าตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็สามัคคีกันดีอยู่ นายอนุทินระบุว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ภาพรวมเป้าหมายต้องเหมือนกัน ซึ่งการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเป้าหมายหลักคือประชาชนและประเทศชาติ ตรงนี้เหมือนกันแน่นอน
ส่วนการดำเนินการ ก็เป็นไปตามภารกิจของแต่ละกระทรวง ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนอย่างดี อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางไปต่างประเทศ และในสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องสำคัญเข้า ครม. โทรศัพท์มาบอกตน รบกวนฝากให้พิจารณา และผ่านความเห็นชอบ ในฐานะที่เป็นรักษาการแทนนายสุริยะ พอตนอ่านดูแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ ตนก็เซ็นให้ ไม่เคยคิดอะไรที่เป็นเรื่องการเมือง อันนี้ทำไปแล้วพรรคตนจะเสียคะแนน พรรคท่านจะได้คะแนน ตนไม่เคยคิด ย้ำว่าเป็นรัฐบาลก็คือรัฐบาล หากทำดีอานิสงส์ก็ปกแผ่ไปหมด
เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณออกมาระบุเช่นนี้เป็นการสยบข่าวความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย กรณีเขากระโดงหรือไม่ นายอนุทินยืนยันไม่เคยมีความขัดแย้ง มันไม่เคยมีความขัดแย้ง ตนถึงได้พูดว่าเปลี่ยนชื่อเป็นบ้างกันหรือยัง เพราะเรื่องความขัดแย้ง เป็นการคาดคะเนของคนที่ไม่อยู่ในวง มันมีตรงไหนที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง
หากบอกว่า มีประเด็นความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ในช่วง 2 สัปดาห์ อาทิตย์ที่แล้วตนยังได้มีโอกาสตามนายกรัฐมนตรีไปประชุมที่คุณหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ท่านให้เกียรติตนตลอดเวลา แล้วจะมีความขัดแย้งตรงไหน ทั้งนี้ตนไม่เข้าใจ ที่มีคนกล่าวว่า เพื่อไทยเอาคืนภูมิใจไทยเรื่องเขากระโดง ตนขอถามว่า พรรคเพื่อไทยจะเอาคืนภูมิใจไทยเรื่องอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ซึ่งเรื่องของกระโดงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งศาล ปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบของกรมที่ดิน และไม่ต้องกังวลเรื่องตัวของตนเองเลย แม้แต่ตารางมิลเดียว อย่าว่าแต่ตารางวาเลย ที่เขากระโดงไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีเหตุอะไรที่ตนต้องไปปกป้องผลประโยชน์ของใคร อยู่กระทรวงมหาดไทย กว่าจะมาได้แทบตาย เสร็จแล้วจะไปปกป้องผลประโยชน์ให้คนมาด่าสาดเสียเทเสีย ต่อให้พ้นตำแหน่งไปก็ยังโดนตราบาปไปตลอดชีวิต จดเอาไว้เลยว่า ไม่มีกับคนชื่ออนุทิน ตนไปไหนต้องทำให้คนจำ ถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่ได้ทำเอาไว้
ส่วนกรณีที่เลขาธิการกฤษฎีกา แนะนำให้กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พูดคุยกันเพื่อเจรจาหาข้อยุติในเรื่องนี้ นายอนุทินยืนยันว่า มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา และตั้งคณะกรรมการร่วมกัน ส่วนที่บอกว่าคณะกรรมการตามมาตรา 61 ไม่มี การรถไฟฯ เพราะต่างคนต่างเป็นคู่กรณี แต่เขามีกรรมการแยกต่างหากแล้วค่อยไปตั้งกรรมการร่วมกัน
ขออย่านำเรื่องนี้มาโยงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะเรื่องพวกนี้จบในกรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและสั่งการกรมที่ดินให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบทุกอย่าง ไม่มีการเอื้อหรืออำนวยความสะดวกให้กับใคร ส่วนจะจบอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้น ไม่ต้องมารายงานรัฐมนตรี
เพราะหากไม่เป็นไปตามกฎหมายก็ต้องมีคนร้องคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือหากการรถไฟฯ ยังไม่พอใจก็ไปฟ้องศาลต่อซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว
นายอนุทินยังมองว่า หลายเรื่องที่มีการนำเสนอข่าวออกไปผิดหมดเลย พร้อมยกตัวอย่างการลาออกของอดีตอธิบดีกรมที่ดิน ที่มีการอ้างว่าถูกแรงกดดัน จึงลาออกเพราะไม่อยากเข้าคุก ซึ่งไม่เป็นเรื่องจริง เนื่องจากต้องการไปดูแลภรรยาที่ป่วย และเมื่อเขามีความจำเป็นก็ต้องเคารพการตัดสินใจ เพราะมองว่าการเสนอข่าวต้องมีความแม่นยำข้อมูลให้มากกว่านี้ และแหล่งข่าวไม่ต้องไปหาที่ไหน เพราะให้สัมภาษณ์อยู่แล้ว เจอผู้สื่อข่าวก็วิ่งเข้าหาทุกที ไม่เคยให้ต้องมาตาม เราต้องมาคุยกันแบบนี้ อย่าไปฟังตรงโน้นทีตรงนี้ทีและเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งคุณไม่ได้เดือดร้อน ผมไม่ได้เดือดร้อน แต่คนเดือดร้อนคือประชาชน
ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จะเป็นการไปหาข้อมูลเพื่อเตรียมล้มรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลหากดูสถิติจะล้มกันเองในรัฐบาล ไม่เคยล้มข้างนอก เพราะฉะนั้นคนในรัฐบาลต้องทำลายสถิติ ต้องรักต้องสามัคคี ทำงานเพื่อชาติและประชาชน มันก็จะไม่มีอะไรล้มได้
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลจะอยู่ครบวาระใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ซึ่งก็เป็นเป้าหมาย เราอยากจะทำงานให้สืบทอดนโยบายต่าง ๆ ให้สำเร็จ อยู่ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แต่เป้าหมายคือต้องอยู่ทำงานให้เป็นรูปธรรมและสำเร็จ พร้อมขอว่าอย่ายุ เพราะมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะมันเป็นเรื่องของการทำงานอย่างไรก็ไม่มีปัญหา หลักคือต้องทำไปตามกฎหมาย และเพื่อประชาชนกับประเทศชาติ ไม่ผิดระเบียบจารีต วัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งทุกคนก็ยึดถืออยู่แล้ว