CIVIL เผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 รายได้ 1,389 ล้านบาท กำไรสุทธิ 42 ล้านบาท โต 612% พร้อมส่งมอบงานก่อสร้างต่อเนื่อง 10 โครงการ มูลค่า 855 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน มุ่งบริหารกระแสเงินสดแข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสการเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐและเอกชน ชี้แนวโน้มอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณหนุน
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,312 ล้านบาท จำนวน 77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% และ มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6 ล้านบาท จำนวน 36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 612%
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 3,696 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,929 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท จำนวน 21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31%
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไร จากการรับรู้รายได้ในการส่งมอบโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และ ค่า K ที่รับรู้เพิ่มขึ้นในระหว่างงวด รวมถึงการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่รายได้ในงวด 9 เดือน ปี 2567 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ทยอยปิดงาน ขณะเดียวกันงานใหม่อยู่ในระยะเริ่มดำเนินการ
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงสามารถบริหารต้นทุนงานโครงการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน สะท้อนได้จากความสามารถในการบริหารอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ 9.4% เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.8%
“บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรักษามาตรฐานการดำเนินงานก่อสร้างที่มีคุณภาพ และ สามารถส่งมอบงานได้ตามแผน โดยในช่วงไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถส่งมอบโครงการก่อสร้าง จำนวน 10 โครงการ มูลค่ากว่า 855 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมุ่งเน้นการบริหารกระแสเงินสดให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับโอกาสในการเข้ารับงานโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนในอนาคต”
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในปัจจุบันมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น จากการประกาศใช้งบประมาณปี 2567 ส่งผลให้มีการเบิกจ่ายงบลงทุน และ การเร่งรัดโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ถือเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทในการเข้าประมูลและเข้ารับงานที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งบริษัทดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ สำหรับการกระจายรายได้ในกลุ่มโครงการขนาดกลางและขนาดเล็กที่สามารถรับรู้รายได้ที่รวดเร็วกว่า และ เพิ่มความสามารถในการบริหารอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม