เซ็กเมนต์รถยนต์ที่เดือดสุดช่วงเวลานี้ต้องยกให้กลุ่ม MPV หรู 7 ที่นั่ง เพราะมีทั้งที่ใช้เครื่องยนต์ที่แข่งกันเดือดแล้ว ยังมีรถอีวี (ไฟฟ้า 100%) กรีธาทัพเข้ามาแย่งเค้กก้อนนี้กันให้พรึบ

เดนซ่า (DENZA) แบรนด์หรูจากค่ายบีวายดีแห่งแดนมังกรเป็นหนึ่งในค่ายอีวีที่ปล่อยหมัดเด็ด ส่ง เดนซ่า ดี 9 (DENZA D9) 2 รุ่นพร้อมกัน ทั้งตัวมาตรฐานรุ่น Premium มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า วิ่งได้ระยะ 600 ก.ม.

และตัวท็อป รุ่น Performance AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา วิ่งได้ระยะ 580 ก.ม. ที่ได้ระยะน้อยกว่าเพราะขนาดแบตเตอรี่เท่ากัน 103.36 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แต่มีมอเตอร์มาใช้ไฟเพิ่มอีก 1 ตัว

ดีไซน์ภายนอกไม่แตกต่าง ด้านหน้าออกแบบมาตามแบบฉบับ MPV หรู ภายใต้แนวคิด Pi Motion กระจังหน้าแนวตั้ง แบบฝนดาวตกสีเงิน ประตูข้างสไลด์ไฟฟ้าคู่ เปิดได้กว้างขึ้นลงสะดวก ไฟท้ายแนวนอนออกแบบเฉพาะตัว

ไฟหน้าและไฟท้าย LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ Sequential ไฟวิ่งแนวนอน มองเห็นเด่นชัด ฝาท้ายไฟฟ้า เปิดง่ายสบายมือ

ภายในพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน จอข้อมูล 10.25 นิ้ว แบบ 3 มิติ จอกลางขนาด 15.6 นิ้ว รองรับแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ไร้สาย

เบาะนั่งด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะแถวสองแบบกัปตัน ซีต ปรับเอนนอน พร้อมเบาะรองน่อง ผ่านหน้าจอที่พนักวางแขน มีระบบนวด ระบายอากาศ

และหากพื้นที่ด้านหน้าไม่พอ มีโหมดพิเศษที่เรียกว่า บอส คีย์ (boss key) กดทีเดียวเลื่อน และพับ เบาะผู้โดยสารตอนหน้าด้านซ้ายไปด้านหน้าเพื่อให้เหยียดขา พร้อมทั้งเปิดมุมมองได้เต็มที่ ช่องเสียบชาร์จมือถือ ด้านข้างเบาะนั่ง

มีตู้เก็บอุณหภูมิซ่อนอยู่ด้านล่างคอนโซลกลาง เปิดปิดไฟฟ้า ปรับได้ตั้งแต่ -6 องศา แช่เครื่องดื่มเย็นฉ่ำ ไปจนถึง 50 องศา เก็บอาหารร้อนพร้อมรับประทาน

เบาะนั่งแถว 3 ด้วยรูปร่างชายร่างท้วม แบบ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ ลองเดินเข้าไปนั่งไม่ได้ลำบาก และนั่งสบายได้อยู่ และถ้าไปกันน้อยคนพับลงเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อีกมากโข

พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายแม้จะกางที่นั่งเต็ม แต่โดยคอนเซ็ปต์ของรถคนนี้ คือ 7+7+7 ทำให้เพียงพอกับการ นั่ง 7 คน กระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว 7 ใบ และกระเป๋าใบเล็กอีก 7 ใบ

หลังคาซันรูฟเปิดปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมม่านบังแดด ด้านหลังขนาด 1.1 เมตร ใหญ่เต็มตา ทั้งเบาะแถวสอง และแถวสาม

ได้เวลาขึ้นขับ ได้รุ่น Premium ตำแหน่งที่นั่งสูง กระจกหน้าบานใหญ่ เบาะนั่ง หนังแท้นุ่มแน่น ช่วยให้ขับขี่ได้สบาย มองการณ์ได้ไกล

เลือกใช้โหมดอีโค จังหวะออกตัวนุ่มนวลชวนฝัน สมกับเป็นรถผู้บริหาร ค่อยๆ เพิ่มความเร็ว เข็มไมล์ไต่ขึ้นอย่างรวดเร็วตามแบบฉบับรถอีวี

แม้การจราจรจะหนาตา แต่ด้วยความแรงของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เรียกกำลังมาได้ 230 กิโลวัตต์ แรงบิด 470 นิวตัน-เมตร นำพาตัวรถที่หนัก 2.7 ตันกว่าไปข้างหน้าได้อย่างฉิว

จะมีติดนิดหนึ่ง เวลาทำความเร็วแล้วถอนคันเร่ง ตัวรถดึงพอประมาณแบบรู้สึกได้ ยิ่งมาผสมกับระบบช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกนุ่มมาก มากจนบางจังหวะออกย้วยเล็กๆ เช่น เปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือ จัมพ์คอสะพาน คนนั่งหลังพานจะเมารถเอาได้

ผิดกับรุ่น Performance AWD จากการนั่งเบาะแถวสองตอนขากลับรู้สึกได้ถึงความกระชับ จากช่วงล่าง ที่ติดตั้งระบบกันสะเทือน DiSus-C เอกสิทธิ์เฉพาะของบีวายดี

ออกนอกเมืองได้ลองความเร็วไต่จาก 90-110 ก.ม.ต่อช.ม. ช่วงนี้ถือว่างานดี หนึบแน่น แต่พอไล่ไปถึง 130-140 ก.ม.ต่อช.ม. นอกจากเสียงลมและยางล้อบดถนนที่เข้ามาในห้องโดยสารพอประมาณแล้ว ตัวรถเริ่มมีความหวิวให้ได้รู้สึก กระชับมือที่พวงมาลัยอีกนิดเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

ถึงจุดหมาย จ.พระนครศรีอยุธยา กับระยะทาง 94.3 ก.ม. ใช้ไฟฟ้าไปทั้งหมด 22% คำนวณเร็วๆ ชาร์จเต็ม 100% วิ่งได้ประมาณ 400 ก.ม. แม้จะห่างจากสเป๊กค่อนข้างมาก แต่ด้วยลักษณะการขับขี่ที่ใช้ในการทดสอบ หากเป็นคนขับรถทั่วไปตัวเลขน่าจะดีกว่านี้แน่นอน

สนนราคาค่าตัวของ เดนซ่า ดี 9 Premium อยู่ที่ 1.9999 ล้านบาท หรือ 2 ล้าน ทอน 100 บาท ส่วนรุ่น Performance AWD ราคา 2.6999 ล้านบาท

งานนี้ต้องพิสูจน์ความคุ้มค่าและรุ่นไหนตอบโจทย์ ตรงกับการใช้งานของตัวเองมากกว่ากัน ที่โชว์รูมเดนซ่า ทั่วประเทศ

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ