ตาวัย 83 ปี เผยความในใจหลังวิ่งเต้น ออกโฉนดที่ดินตัวเองและชาวบ้านนาน 44 ปีที่ดินไม่ให้อ้างแค่มีคนค้าน แกนนำกว่า 10 คนตอนนี้เหลือ 3 เคยยื่นทุกหน่วยงานในไทยแต่ที่ดินไม่มีคำตอบ แต่กลับบ่ายเบี่ยงทั้งที่หลักฐานชัดเจนไม่ใช่ที่สาธารณะ ท้าให้เอาหลักฐานมายันกันแต่ไม่มีใครกล้า
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.67 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 58 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2528 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เห็นสมควรประกาศกำหนดจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รวมทั้งหมด 69 จังหวัด ในนี้มีจังหวัดบุรีรัมย์ด้วย
โดยประกาศของราชกิจจานุเบกษา ดังกล่าวทำให้ นายนิตย์ อายุ 83 ปี อยู่ หมู่ 16 บ้านโคกระกา ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงความเจ็บช้ำใจ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะกรมที่ดินที่ตัวเองต่อสู้หาความจริงมานานกว่า 44 ปี ว่า เมื่อปี 2523 ตนได้ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินมรดกของพ่อที่ดินที่ตนอาศัยอยู่รวมถึงชาวบ้าน บนที่ดิน 6,400 ไร่ แต่ที่ดินจังหวัดแจ้งว่าออกไม่ได้เพราะเป็นที่ดิน”ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกหวาย”แต่ตนเองซึ่งครั้งนั้นอายุได้ 39 ปีค้านเจ้าหน้าที่ว่าไม่ใช่ทำเลเลี้ยงสัตว์ เพราะที่สาธารณะโคกหวายไม่ได้อยู่จุดนี้
หลังจากนั้นตนเองเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังสำนักยายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ล่าช้าไม่ได้รับคำตอบใดๆจากสำนักนายกรัฐมนตรี
จนมาวันที่ 22 ก.พ. 2537 จึงเดินทางไปทูลเกล้าถวายฎีกา ถึงสำนักพระราชวัง พระราชทานขอความช่วยเหลือ ต่อมาปี 2541 สำนักพระราชวังได้มีหนังสือมาถึงที่ดินจังหวัด และมีหนังสือมาถึงตนว่าได้มีการตรวจสอบแล้วที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินสาธารณประโยชน์ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการออกโฉนดต่อไป
นายนิตย์ กล่าวด้วยว่า ต่อมาที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือมาถึงตน ว่าขอให้ยุติการร้องเรียน แต่จะต้องมีการตรวจสอบที่ดินอีกครั้ง แล้วที่ดินจังหวัดก็เงียบหายไป ไม่ได้ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ยอมรับว่างงมากเพราะตนทำถูกทุกขั้นตอน
ปี 2552 ตนยังไม่ยอมแพ้ ยื่นคำร้องต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ให้มาตรวจสอบที่ดินที่ตนกล่าวอ้างดังกล่าวว่าเป็นที่ดินสาธารณหรือไม่ ถ้าตนไม่ถูกต้องก็พร้อมจะถอยออกมา แต่จะต้องเอาหลักฐานมาอ้างอิง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอีก
จนกระทั่งปี 2556 ตนได้ไปร้องสื่อ ทำให้อำเภอและที่ดินจังหวัด ออกมารังวัดอีก 2 ครั้ง เรื่องก็หายไปอีก ตนกับพวกยังพยายามอีก ปี 2561 ตนไปยื่นขอออกโฉนดอีก สุดท้ายที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือมาถึงบ้านว่าให้ไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อทำการออกโฉนดที่ดิน 14 ไร่แรกซึ่งเป็นของตน
และที่ดินจังหวัดแจ้งว่า”โฉนดออกแล้ว”แต่จะต้องประกาศตามกฎหมาย 30 วันถ้าไม่มีคนคัดค้านให้มารับโฉนดที่ดินได้ โดยที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เริ่มติดประกาศเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2562 ครอบกำหนด 30 วันในวันที่ 15 ก.ย.62
หลังจากนั้นที่ดินจังหวัดไม่มีการติดต่อหรือแจ้งมาแต่อย่างใด ส่วนตนคิดว่าน่าจะให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานตามขั้นตอนจึงไม่อยากไปรบกวน แต่เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 ที่ดินจังหวัดมีหนังสือมาว่า มีสมาชิกสภา อบต.มาคัดค้านจึงไม่สามารถรับเอกสารโฉนดที่ดินได้ ยิ่งทำให้ตนมึนงงเป็นอย่างมาก เพราะพ้นกำหนด 30 วันแล้วยังคัดค้านได้อีก
จึงเอาหลักฐานทั้งหมดไปร้องต่อศาลปกครอง แต่ก็ยังล่าช้าอีกจึงทำหนังสือขอทราบความคืบหน้า ปรากฏว่าเมื่อเดือน พ.ย.67 ได้รับหนังสือศาลปกครองได้ส่งหนังสือมามีข้อความโดยสรุปว่า “ศาลมีคำสั่งให้สำนักงานศาลปกครองนครราชสีมา แจ้งให้ท่านทราบว่า คดีอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกของตุลาการเจ้าของสำนวน ลงชื่อเจ้าหน้าที่ศาลปกครองเชียวชาญ รักษาการแทน ผอ.สำนักงานศาลปกครอง จ.นครราชสีมา
นายนิตย์ กล่าวอีกว่าตอนนี้ตนอายุได้ 83 แต่ยังมียังมีความรู้ความสามารถดี การที่ต่อสู้มายาวนาน 44 ปี เพื่อค้นหาความถูกต้อง และเพื่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในที่ดินที่หน่วยงานรัฐอ้างว่าเป็นที่สาธารณะ แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม หน่วยงานราชการอ้างคำเดียวว่า”มีคนค้าน”แต่ไม่มีหลักฐานมาอ้างอิงซึ่งกันและกัน
ตนต่อสู้มาต้องขายวัว ขายควายสู้ ลูก 2 คนไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะต้องการค้นหาความยุติธรรม จนกลุ่มแกนนำกว่า 10 คนที่ต่อสู้กันมาล้มหายตายจากตอนนี้เหลือเพียง 3 คนเท่านั้น นอกจากนี้ตนยังได้รับข้อมูลมาอีกว่าเจ้าหน้าที่พยายามเตะถ่วง เพื่อหวังให้ตนเสียชีวิตไปแล้วจะไม่มีใครมาต่อสู้อีก ยิ่งมาเห็นมีคนโพสต์ประกาศของราชกิจจานุเบกษาแล้ว ยอมรับว่าช้ำใจจริงๆ ฝากบอกถึงที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยว่า “ตนยังไม่ตาย”และจะสู้ต่อจนกว่าจะได้ความยุติธรรม