ตกขาว
วัยเจริญพันธุ์เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละรอบเดือน ผู้หญิงบางรายอาจมี อาการตกขาว ของเหลวที่ถูกขับออกจากช่องคลอด ซึ่งโดยปกติ ตกขาว จะมีสีขาวขุ่นหรือสีใสและไม่มีกลิ่น
ตกขาว คืออะไร
ตกขาว สารคัดหลั่งที่อยู่ภายในร่างกายของผู้หญิงที่ถูกขับออกจากช่องคลอด เกิดขึ้นได้ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแตกต่างกันไปตามรอบเดือน จะมีหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคืองต่าง ๆ เมื่อฮอร์โมนในร่างกายส่งผลต่อความสม่ำเสมอของตกขาว ทำให้ปริมาณตกขาวแตกต่างออกไปตามช่วงเวลา สามารถแบ่งลักษณะของตกขาวได้ดังนี้
ช่วงวันที่ 1-5 ของรอบเดือน จะเป็นช่วงที่มีรอบเดือน
ช่วงวันที่ 6-14 ของรอบเดือน ตกขาวจะขุ่น มีสีขาว เหลือง ส่วนใหญ่ตกขาวมักจะน้อยกว่าช่วงปกติ
ช่วงวันที่ 14-25 ของรอบเดือน จะเป็นเวลาก่อนวันไข่ตก ทำให้ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกคล้ายไข่ขาว และหลังจากผ่านช่วงที่ไข่ตกไปเรียบร้อยแล้วตกขาวจะกลับมามีสีขุ่นอีกครั้ง
ช่วงวันที่ 25-28 ของรอบเดือน เป็นช่วงก่อนที่จะมีประจำเดือน ตกขาวจะน้อยลงมากจนหายไป
สีของตกขาว บอกอะไรได้บ้าง
ตกขาว โดยปกติทั่วไปแล้วจะมีสีขาวหรือสีใส หากตกขาวมีสีที่เปลี่ยนไปอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างได้ ซึ่งสีตกขาวสามารถบอกความผิดปกติของร่างกายได้ ดังนี้
ตกขาวสีเทา
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากการมีเพศสัมพันธ์หรือการใช้ยาปฏิชีวนะมาเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่ตกขาวสีนี้มักมาพร้อมกับกลิ่นอับหรือคาว
ตกขาวเหลืองอ่อนขุ่นผิดปกติ
ผู้ป่วยจะมีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ ร่วมกับปัสสาวะขัด แสบช่องคลอด ซึ่งตกขาวสีนี้เกิดจากเชื้อราในช่องคลอด
ตกขาวสีเหลืองเข้ม
เป็นตกขาวที่มาพร้อมกลิ่นคาว ผู้ป่วยจะมีอาการคัน ปัสสาวะขัด ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหนองใน
ตกขาวมีเลือดปนหรือสีน้ำตาล
มักจะเป็นหลังจากการมีประจำเดือน เกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือเลือดออกจากการตกไข่ อาจมีกลิ่นที่ไม่ดีร่วมด้วย
ตกขาวมีฟอง
ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคือง คัน แสบช่องคลอด เกิดจากการติดเชื้อทริโคโมแนสในช่องคลอด ซึ่งติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
ตกขาวสีชมพูจาง ๆ
พบในผู้ป่วยที่เพิ่งทำการคลอดลูก เกิดได้จากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก
อาการตกขาวผิดปกติที่ต้องไปพบแพทย์
-ตกขาวมีฟองคล้ายแป้งเปียก
-เลือดออกกะปริดกะปรอยช่วงไม่มีประจำเดือน
-ตกขาวมีกลิ่นรุนแรง
-เจ็บ คัน แสบร้อน บริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศ
-สีตกขาวเริ่มออกเขียวหรือน้ำตาล
สาเหตุที่ตกขาวผิดปกติ
-เชื้อราจากการใส่ชุดชั้นในที่อับชื้น
-เลือดออกจากโพรงมดลูกหรือปากมดลูกผิดปกติ
-มีแผลติดเชื้อบริเวณช่องคลอด
-ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน
-ตั้งครรภ์
วิธีป้องกันตกขาวผิดปกติ
-รักษาความสะอาดบริเวณช่องคลอดและอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ
-ล้างช่องคลอดด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ ไม่ให้เกิดอาการอักเสบหรือระคายเคือง
-ไม่ปล่อยให้บริเวณช่องคลอดอับชื้น
-หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด
-สวมชุดชั้นในที่สะอาด ระบายอากาศได้ดี ไม่อึดอัด
-ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
-เมื่อมีตกขาวผิดปกติควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
วิธีการรักษาอาการตกขาว
วิธีการรักษาแพทย์จะพิจารณาจากสาเหตุที่เกิดขึ้นจากการตรวจร่างกายและวินิจฉัย ดังนี้
-หากผู้ป่วยตกขาวผิดปกติจากเชื้อราในช่องคลอดแพทย์จะดำเนินการรักษาด้วยยาเหน็บร่วมกับยาทาภายนอก
-ตกขาวผิดปกติจากการติดเชื้อแบคทีเรียแพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อรับประทาน 1-7 วัน
-หากมีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ลุกลามถึงมดลูกและรังไข่ ต้องรักษาด้วยการฉีดยาฆ่าเชื้อ
รศ.พญ.อรวี ฉินทกานันท์
สาขาวิชาเวชศาสตร์เชิงกรานสตรีและศัลยกรรมซ่อมเสริม
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล