วันคริสต์มาส 25 ธันวาคมของทุกปี เป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ถูกพัฒนาบรรยากาศให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ความรัก ความเมตตาที่ผู้คนต่างแสดงออกต่อกัน หากแต่ยังมีความหมายเชิงศาสนาลึกซึ้งที่สะท้อนถึงการมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์ ผู้ที่คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าเป็นพระเมสสิยาห์และผู้ไถ่บาป
ดังนั้น การได้สำรวจ คำถาม-คำตอบ วันคริสต์มาส ทั้งในมิติทางศาสนา ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ ความหมายของสัญลักษณ์ และการเชื่อมโยงกับพิธีกรรมและธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ โจะช่วยขยายความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเทศกาลวันเกิดพระเยซูให้แจ่มชัดขึ้น
1. คำถาม: วันคริสต์มาสตรงกับวันที่เท่าไรของทุกปีในปฏิทินสากล?
เฉลย: วันคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันเฉลิมฉลองการบังเกิดของพระเยซูคริสต์ตามความเชื่อของคริสต์ศาสนา โดยวันนี้คริสตศาสนิกชนจะร่วมกันเฉลิมฉลองในโบสถ์ ประกอบพิธีทางศาสนา และแบ่งปันความสุขให้แก่กันและกัน
2. คำถาม: ทำไมคริสตศาสนิกชนจึงให้ความสำคัญกับวันคริสต์มาส?
เฉลย: เพราะวันคริสต์มาสเป็นวันที่ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญคือการบังเกิดของพระเยซูคริสต์ ผู้ที่คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้าและเป็นผู้ไถ่บาปให้กับมนุษย์ การเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสจึงสะท้อนถึงความยินดี การให้ และความหวังในความรอด
3. คำถาม: พระคัมภีร์กล่าวถึงการบังเกิดของพระเยซูคริสต์ในพระวรสารเล่มใดบ้าง?
เฉลย: การบังเกิดของพระเยซูบันทึกไว้ในพระวรสารของมัทธิว และลูกา ในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ โดยทั้งสองเล่มกล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูถือกำเนิดในเมืองเบธเลเฮม และมีเรื่องราวของคนเลี้ยงแกะและโหราจารย์มาสักการะ
4. คำถาม: เมืองใดคือเมืองที่พระเยซูถือกำเนิดตามคำบอกเล่าในพระคัมภีร์?
เฉลย: พระเยซูถือกำเนิดในเมืองเบธเลเฮม (Bethlehem) ซึ่งอยู่ในแคว้นยูเดีย เมืองนี้มีความสำคัญเพราะเป็นเมืองของกษัตริย์ดาวิด และมีการพยากรณ์ในพันธสัญญาเดิมว่าพระเมสสิยาห์จะถือกำเนิดที่นั่น
5. คำถาม: ทำไมพระเยซูจึงถูกวางไว้ในรางหญ้าหลังบังเกิด?
เฉลย: เนื่องจากขณะนั้นโยเซฟและมารีย์ไม่อาจหาที่พักในโรงแรมหรือห้องพักรับรองได้ พวกเขาจึงต้องใช้คอกสัตว์เป็นที่พัก และเมื่อลูกน้อยถือกำเนิดจึงต้องวางไว้ในรางหญ้า (manger) ซึ่งเป็นที่ใส่อาหารสัตว์ สะท้อนถึงความเรียบง่ายและความถ่อมตนของพระเยซู
6. คำถาม: คนเลี้ยงแกะเป็นบุคคลกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รู้ว่าพระเยซูบังเกิด มีความหมายอย่างไร?
เฉลย: คนเลี้ยงแกะเป็นชนชั้นแรงงานธรรมดา การที่ทูตสวรรค์แจ้งข่าวดีกับคนเลี้ยงแกะก่อนแสดงถึงว่าการมาของพระเยซูนั้นเพื่อคนทุกชนชั้น ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงศักดิ์ สะท้อนคุณค่าของความเสมอภาคในพระราชัยของพระเจ้า
7. คำถาม: โหราจารย์ (Magi) หรือ “นักปราชญ์จากทิศตะวันออก” มอบเครื่องบรรณาการใดแก่พระกุมารเยซู?
เฉลย: โหราจารย์ได้มอบทองคำ กำยาน และมดยอบ แก่พระกุมารเยซู ของถวายเหล่านี้สะท้อนสถานะของพระองค์ว่าเป็นกษัตริย์ (ทองคำ) เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า (กำยานสำหรับพิธีทางศาสนา) และเป็นผู้ที่จะพลีชีวิตเพื่อไถ่บาป (มดยอบซึ่งใช้สำหรับรักษาศพ)
8. คำถาม: เหตุใดโหราจารย์จึงตามดวงดาวมาจนถึงที่ประสูติพระเยซู?
เฉลย: ตามบันทึกในพระวรสารมัทธิว โหราจารย์เห็น “ดวงดาวของกษัตริย์ชาวยิว” ปรากฏขึ้น และเชื่อว่าหมายถึงการบังเกิดของพระเมสสิยาห์ จึงได้เดินทางมาตามดวงดาวเพื่อมาสักการะพระองค์ ซึ่งแสดงถึงบทบาทของพระเยซูในระดับสากลคือไม่ใช่เพียงเพื่อชาวยิวเท่านั้น
9. คำถาม: ทำไมจึงมีการตั้งต้นคริสต์มาส (Christmas Tree)?
เฉลย: ต้นคริสต์มาสหรือการตั้งต้นสนที่ประดับด้วยไฟและของตกแต่ง สืบเนื่องจากธรรมเนียมประเพณีในยุโรปเหนือที่ใช้ต้นไม้เขียวชอุ่มเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตนิรันดร์ในฤดูหนาว ต่อมาคริสตจักรได้นำมาผสมผสานกับเทศกาลฉลองการบังเกิดของพระเยซู จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง แสงสว่าง และการกำเนิดใหม่
10. คำถาม: สีแดงและเขียวมีความหมายอย่างไรในเทศกาลคริสต์มาส?
เฉลย: สีเขียวแสดงถึงชีวิตและความหวังอันยั่งยืน ส่วนสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดพระคริสต์ที่หลั่งเพื่อช่วยไถ่บาปมนุษย์ สองสีนี้จึงใช้ประดับตกแต่งในช่วงคริสต์มาสเพื่อเน้นความหมายเชิงศาสนาและความรอด
11. คำถาม: เพลง “Silent Night” มีความสำคัญอย่างไรต่อวันคริสต์มาส?
เฉลย: “Silent Night” เป็นเพลงคริสต์มาสที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เนื้อเพลงกล่าวถึงความสงบและศักดิ์สิทธิ์ยามค่ำคืนที่พระเยซูบังเกิด เพลงนี้สะท้อนถึงความสงบสุข ความสว่างในความมืด และความรักของพระเจ้า
12. คำถาม: เทียนในเทศกาลคริสต์มาสมีความหมายอย่างไร?
เฉลย: เทียนในเทศกาลคริสต์มาสเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซูผู้เป็น “แสงสว่างของโลก” การจุดเทียนหมายถึงการน้อมรับความสว่างและความจริงจากพระองค์ รวมถึงความหวังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้นตามหนทางของพระเจ้า
13. คำถาม: การเฉลิมฉลองมิสซาเที่ยงคืนคริสต์มาส (Midnight Mass) มีความสำคัญอย่างไร?
เฉลย: มิสซาเที่ยงคืนเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ในคืนก่อนวันที่ 25 ธันวาคม เพื่อระลึกถึงเวลาที่พระเยซูบังเกิด พิธีนี้ช่วยให้ผู้ร่วมพิธีตั้งใจและพินิจถึงความหมายที่ลึกซึ้งของการจุติและการไถ่บาปของพระองค์ ผู้ร่วมพิธีจะสวดภาวนา ร้องเพลง และฟังพระวาจาเพื่อรับพระพร
14. คำถาม: สัญลักษณ์รูปดาวประดับยอดต้นคริสต์มาสมีความหมายอย่างไร?
เฉลย: ดวงดาวบนยอดต้นคริสต์มาสสื่อถึง “ดาวเบธเลเฮม” ซึ่งเป็นดาวนำทางโหราจารย์มาพบพระกุมารเยซู การประดับดาวบนยอดต้นไม้จึงเป็นการระลึกถึงการทรงนำของพระเจ้าและแสงสว่างนำทางสู่ความจริง
15. คำถาม: เหตุใดนักบุญนิโคลัสถึงถูกเชื่อมโยงกับซานตาคลอส?
เฉลย: นักบุญนิโคลัสเป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงในเรื่องการให้ทานแก่คนยากไร้และเด็ก ๆ ภายหลังตำนานของท่านถูกดัดแปลงให้กลายเป็น “ซานตาคลอส” ผู้ใจดีที่นำของขวัญมาให้เด็กในวันคริสต์มาส ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการให้และความกรุณา
16. คำถาม: ทำไมเทศกาลคริสต์มาสจึงเน้นการให้ของขวัญและการแบ่งปัน?
เฉลย: การให้ของขวัญเป็นสัญลักษณ์สืบเนื่องมาจากโหราจารย์ที่นำเครื่องบรรณาการมาถวายพระกุมารเยซู อีกทั้งสะท้อนการให้สุดยิ่งใหญ่นั่นคือพระเจ้าประทานพระบุตรเพื่อต่อชีวิตมนุษย์ การให้และแบ่งปันในเทศกาลนี้จึงสื่อถึงความรัก ความเอื้อเฟื้อ และความเมตตาต่อกัน
17. คำถาม: คำว่า “Christmas” มาจากคำใด?
เฉลย: คำว่า “Christmas” มาจากคำว่า “Christ’s Mass” หมายถึง “พิธีมิสซาของพระคริสต์” ซึ่งใช้เพื่อเฉลิมฉลองวันบังเกิดของพระเยซูคริสต์ พิธีมิสซาคือการนมัสการและระลึกถึงการมาของพระองค์
18. คำถาม: การอวยพร “Merry Christmas” มีนัยยะว่าอย่างไร?
เฉลย: การอวยพร “Merry Christmas” เป็นการส่งความปรารถนาดี ความชื่นชมยินดีและสันติสุขให้แก่กัน ถือเป็นการแสดงออกถึงความรักและความปรารถนาให้ผู้อื่นพบกับความสุขในวันเฉลิมฉลองบังเกิดของพระเยซู
19. คำถาม: ในบางวัฒนธรรมมีการฉลอง “อีฟคริสต์มาส” (Christmas Eve) อย่างไร?
เฉลย: ในหลายพื้นที่คริสต์ศาสนิกชนจะรวมตัวกันในคืนวันที่ 24 ธันวาคม เพื่อสวดภาวนา ร้องเพลงคริสต์มาส และบางแห่งมีธรรมเนียมแลกของขวัญกันในคืนนี้ การเฉลิมฉลองในช่วงอีฟคริสต์มาสยังเป็นโอกาสให้ครอบครัวมารวมตัวกันและแบ่งปันความรัก
20. คำถาม: ความสำคัญของมารีย์ (พระนางมารีย์) ในเหตุการณ์การบังเกิดของพระเยซูคืออะไร?
เฉลย: พระนางมารีย์เป็นมารดาของพระเยซูคริสต์ เป็นสตรีผู้ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าในการอุ้มครรภ์พระเมสสิยาห์ แม้จะเป็นสถานการณ์ยากลำบาก พระนางจึงเป็นตัวอย่างของความเชื่อ ความนอบน้อม และความเชื่อฟังต่อพระเจ้า
21. คำถาม: โยเซฟมีบทบาทอย่างไรในการดูแลครอบครัวของพระเยซู?
เฉลย: โยเซฟเป็นผู้ดูแลคุ้มครองครอบครัวพบบังเกิดใหม่ แม้จะไม่ใช่บิดาแท้ทางสายเลือดของพระเยซู แต่โยเซฟก็มีความเชื่อฟังพระเจ้า จัดหาสถานที่ปลอดภัย (เช่น พาครอบครัวหลบหนีไปอียิปต์) และเลี้ยงดูพระเยซูจนเติบใหญ่
22. คำถาม: ทำไมคริสต์ศาสนิกชนบางกลุ่มอาจถืออดอาหารหรือสวดภาวนาเป็นพิเศษก่อนวันคริสต์มาส?
เฉลย: การอดอาหารหรือสวดภาวนาก่อนคริสต์มาส (Advent) เป็นช่วงเวลาเตรียมจิตใจให้พร้อมก่อนการเฉลิมฉลองการบังเกิดของพระเยซู เพื่อรำลึกถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส และเตรียมใจให้สว่างพร้อมรับพระองค์
23. คำถาม: พันธสัญญาเดิมมีบทพยากรณ์เกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ที่จะมาบังเกิดหรือไม่?
เฉลย: ใช่ ในพันธสัญญาเดิมโดยเฉพาะในหนังสืออิสยาห์ มีการพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์ที่จะมาบังเกิดจากหญิงพรหมจารีและจะเป็นความสว่างแก่ผู้คน การบังเกิดของพระเยซูในพันธสัญญาใหม่ถือเป็นการสมบูรณ์คำพยากรณ์ดังกล่าว
24. คำถาม: ทำไมมีการใช้พวงหรีดคริสต์มาส (Christmas Wreath) ในการตกแต่งบ้าน?
เฉลย: พวงหรีดคริสต์มาสมักทำจากต้นสนหรือใบไม้เขียวชอุ่มเรียงเป็นวงกลม สื่อถึงชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้า วงกลมไม่มีจุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุด เป็นเครื่องหมายของความรักและพระเมตตาของพระเจ้าที่ไม่มีวันหมดสิ้น
25. คำถาม: นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซีมีบทบาทอย่างไรในการเริ่มธรรมเนียม “ฉากการประสูติ” (Nativity Scene)?
เฉลย: นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซีเป็นผู้แรก ๆ ที่นำฉากการประสูติของพระเยซูมาจัดแสดงแบบเป็นฉากมีชีวิตในศตวรรษที่ 13 เพื่อให้ผู้คนเข้าใจและซาบซึ้งในเหตุการณ์ทางศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม ธรรมเนียมนี้จึงแพร่หลายไปทั่วโลกคริสเตียน
26. คำถาม: ฉากการประสูติ (Nativity Scene) มักประกอบด้วยตัวละครใดบ้าง?
เฉลย: ฉากการประสูติมักประกอบด้วยพระกุมารเยซูในรางหญ้า พระนางมารีย์ โยเซฟ คนเลี้ยงแกะ โหราจารย์ และสัตว์ต่าง ๆ เช่น แกะ ลา วัว รวมถึงเทวดาและดวงดาวเบธเลเฮม ทั้งหมดเพื่อถ่ายทอดบรรยากาศคืนบังเกิดที่ถ่อมตนและศักดิ์สิทธิ์
27. คำถาม: ทำไมบางประเทศจึงฉลองคริสต์มาสในวันที่แตกต่างจาก 25 ธันวาคม เช่นในคริสตจักรออร์โธดอกซ์?
เฉลย: คริสตจักรออร์โธดอกซ์บางแห่งยังคงใช้ปฏิทินจูเลียน (Julian Calendar) ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมตามปฏิทินจูเลียนจะตรงกับวันที่ 7 มกราคมตามปฏิทินเกรกอเรียนในปัจจุบัน ดังนั้นวันเฉลิมฉลองคริสต์มาสจึงแตกต่างกันตามปฏิทินที่ใช้อ้างอิง
28. คำถาม: การให้ความสำคัญกับความรักต่อเพื่อนมนุษย์ในเทศกาลคริสต์มาสเกี่ยวพันอย่างไรกับคำสอนของพระคริสต์?
เฉลย: พระคริสต์สอนให้รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง การเฉลิมฉลองคริสต์มาสเน้นการแบ่งปันความรัก ความเอื้อเฟื้อ และการให้อภัย สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งคำสอนของพระองค์ ทำให้คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์จะย้ำเตือนการรักกันและกัน
29. คำถาม: การตกแต่งโบสถ์ในช่วงคริสต์มาสเน้นอะไรบ้าง?
เฉลย: โบสถ์จะตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาส เทียน พวงหรีด และฉากการประสูติ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปีติยินดีและความศักดิ์สิทธิ์ การประดับประดาเหล่านี้ใช้สัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับพระคริสต์ เช่น แสงเทียน (พระเยซูคือแสงสว่าง) และใบไม้เขียว (ชีวิตนิรันดร์)
30. คำถาม: การส่งสาร์นอวยพรคริสต์มาสมีที่มาจากไหน?
เฉลย: ธรรมเนียมการส่งสาร์นอวยพรคริสต์มาสเริ่มแพร่หลายในศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในอังกฤษซึ่งมีการพิมพ์บัตรอวยพรที่สวยงามเพื่อส่งความปรารถนาดีถึงกันและกัน ภายหลังธรรมเนียมนี้แพร่กระจายทั่วโลก โดยเป็นการบอกถึงความคิดถึง ความรัก และมิตรภาพในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้
31. คำถาม: เทศกาลจตุสัปดาห์เตรียมรับเสด็จ (Advent) คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการเฉลิมฉลองคริสต์มาส?
เฉลย: Advent เป็นช่วงเวลาราว 4 สัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส เพื่อเตรียมจิตใจให้พร้อมต้อนรับการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนจะสวดภาวนา อดอาหาร (บางนิกาย) และไตร่ตรองถึงการบังเกิดของพระผู้ไถ่ ช่วงเวลานี้เน้นความหวัง ความยินดี ความสงบ และความรัก ซึ่งจะบรรลุจุดหมายในคืนพระคริสต์บังเกิด
32. คำถาม: “สิบสองวันแห่งคริสต์มาส” (The Twelve Days of Christmas) คืออะไร และมีความหมายอย่างไรในประเพณีคริสต์ศาสนา?
เฉลย: “สิบสองวันแห่งคริสต์มาส” เริ่มตั้งแต่วันคริสต์มาส (25 ธันวาคม) จนถึงวันพระคริสต์แสดงองค์ (Epiphany) วันที่ 6 มกราคม ในช่วงนี้คริสต์ศาสนิกชนในบางนิกายจะเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่อง เพื่อระลึกถึงการสำแดงพระองค์ของพระเยซูแก่ชาวต่างชาติ (ผ่านโหราจารย์) ถือเป็นเวลาของการสรรเสริญ การรับพระพร และการตระหนักถึงพระเมตตาของพระเจ้า
33. คำถาม: การเฉลิมฉลองคริสต์มาสแตกต่างกันอย่างไรระหว่างนิกายคริสต์คาทอลิก โปรเตสแตนต์ และออร์โธดอกซ์?
เฉลย: แม้ทุกนิกายจะยกย่องวันคริสต์มาส แต่รูปแบบ พิธีกรรม และวันเฉลิมฉลองอาจต่างกันไป คาทอลิกและโปรเตสแตนต์มักฉลองในวันที่ 25 ธันวาคมตามปฏิทินเกรกอเรียน ขณะที่ออร์โธดอกซ์บางกลุ่มใช้ปฏิทินจูเลียนทำให้ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พิธีกรรมในโบสถ์อาจแตกต่างกันในรายละเอียด เช่น บทเพลง การตกแต่ง และวิธีการสวดภาวนา แต่ทุกนิกายเน้นการระลึกถึงการบังเกิดของพระเยซูเช่นกัน
34. คำถาม: วันพระคริสต์แสดงองค์ (Epiphany) มีความสัมพันธ์กับเรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูอย่างไร?
เฉลย: วันพระคริสต์แสดงองค์ตรงกับวันที่ 6 มกราคม ตามธรรมเนียมตะวันตก ถือเป็นวันที่โหราจารย์มาถวายเครื่องบรรณาการแก่พระกุมารเยซู เป็นสัญลักษณ์ว่าพระองค์ทรงสำแดงพระองค์แก่ชนทุกชาติ มิใช่เพียงชาวยิว เป็นการเน้นย้ำถึงพระเมตตาสากลของพระคริสต์
35. คำถาม: สายสกุลของพระนางมารีย์และโยเซฟที่สืบเนื่องมาจากราชวงศ์ดาวิดมีความหมายอย่างไรในเชิงคำพยากรณ์?
เฉลย: ในพันธสัญญาเดิมมีการพยากรณ์ว่าพระเมสสิยาห์จะมาจากเชื้อสายกษัตริย์ดาวิด การที่พระนางมารีย์และโยเซฟสืบเชื้อสายจากดาวิดเป็นการยืนยันว่าพระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่ถูกพยากรณ์ไว้ ทำให้การบังเกิดของพระองค์มีความหมายทางเทววิทยาและตอบสนองคำพยากรณ์โบราณ
36. คำถาม: การที่พระเยซูทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์สมบูรณ์ในวันประสูติมีผลต่อความเชื่อคริสต์ศาสนาอย่างไร?
เฉลย: ความเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์สมบูรณ์เรียกว่า “พระธรรมชาติสองภาค” ทำให้พระองค์ทรงสามารถเข้าใจทุกข์สุขของมนุษย์และไถ่บาปพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ การบังเกิดในสภาพมนุษย์ที่เรียบง่ายสะท้อนถึงพระเมตตาและความใกล้ชิดของพระเจ้าแก่ผู้คน
37. คำถาม: มีการนำขนบธรรมเนียมก่อนคริสต์ศาสนามาผสมผสานกับเทศกาลคริสต์มาสอย่างไร และเพราะเหตุใด?
เฉลย: ในยุโรปโบราณมีเทศกาลฤดูหนาวเพื่อเฉลิมฉลองแสงสว่างและความอุดมสมบูรณ์ เมื่อคริสต์ศาสนากลายเป็นศาสนาหลักจึงนำสัญลักษณ์บางอย่างเช่น ต้นไม้เขียวชอุ่มและแสงเทียนมาผสมผสานเข้ากับเทศกาลคริสต์มาส เพื่อเชื่อมโยงความเชื่อเดิมเข้าสู่ความหมายใหม่ในศาสนาคริสต์
38. คำถาม: นอกจาก “Silent Night” แล้วยังมีเพลงคริสต์มาสอื่นใดที่มีความสำคัญทางศาสนา?
เฉลย: เพลงอย่าง “O Holy Night” และ “Joy to the World” มีความหมายเชิงศาสนาสูง “O Holy Night” เน้นความศักดิ์สิทธิ์ในการบังเกิดของพระเยซู ส่วน “Joy to the World” กล่าวถึงความยินดีและการครอบครองของพระเจ้าเหนือโลก ทุกเพลงเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้คริสต์ศาสนิกชนตระหนักถึงพระเมตตาและความรักของพระเจ้า
39. คำถาม: เหตุใดคริสตจักรยุคแรกจึงไม่ได้เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสอย่างชัดเจนเหมือนปัจจุบัน?
เฉลย: ในยุคแรกคริสตจักรให้ความสำคัญกับการฟื้นคืนพระชนม์ (อีสเตอร์) มากกว่าการบังเกิด วันคริสต์มาสไม่ได้ถูกเน้นหรือกำหนดวันที่แน่นอนจนกระทั่งศตวรรษที่ 4-5 เมื่อมีการกำหนดวันที่ 25 ธันวาคม เพื่อเป็นวันเฉลิมฉลองการบังเกิดของพระคริสต์ ทำให้ประเพณีนี้ค่อย ๆ แพร่หลาย
40. คำถาม: พิธีกรรมคริสต์มาสในคริสตจักรออร์โธดอกซ์แตกต่างจากคริสตจักรตะวันตก (คาทอลิกและโปรเตสแตนต์) อย่างไร?
เฉลย: คริสตจักรออร์โธดอกซ์ยังคงรูปแบบพิธีโบราณ เช่น ใช้ภาษาดั้งเดิม การร้องเพลงแบบประสานเสียงไม่ใช้เครื่องดนตรี และยังคงยึดตามปฏิทินจูเลียน ในขณะที่คริสตจักรตะวันตกปรับให้ทันสมัยขึ้น และใช้ปฏิทินเกรกอเรียน พิธีกรรมออร์โธดอกซ์เน้นความศักดิ์สิทธิ์ในบรรยากาศเก่าแก่และลึกลับ
41. คำถาม: ทำไมในช่วงคริสต์มาสจึงเน้นการให้ทานและการเมตตาต่อผู้ยากไร้เป็นพิเศษ?
เฉลย: คริสต์มาสเป็นการระลึกถึงการให้ยิ่งใหญ่จากพระเจ้า คือการมาของพระบุตร การให้ทานและช่วยเหลือผู้ยากไร้สะท้อนถึงการเลียนแบบพระทัยของพระองค์ในการแบ่งปันความรักและเอื้ออาทร นอกจากนี้ยังสื่อถึงความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขและความหวังในฤดูกาลแห่งความรอด
42. คำถาม: คำว่า “อิมมานูเอล” (Emmanuel) หมายความว่าอะไร และสำคัญต่อความเข้าใจคริสต์มาสอย่างไร?
เฉลย: “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าทรงสถิตกับเรา” หมายถึงพระเจ้าลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์และอยู่ท่ามกลางมนุษย์ในพระเยซูคริสต์ ชื่อเรียกนี้ทำให้เราตระหนักว่าคริสต์มาสไม่ใช่แค่วันแห่งการบังเกิด แต่เป็นเครื่องยืนยันว่าพระเจ้าอยู่เคียงข้างและสัมผัสได้ในชีวิตมนุษย์
43. คำถาม: เหตุใดคริสต์มาสจึงแพร่หลายและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก แม้ในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชน?
เฉลย: คริสต์มาสนำเสนอคุณค่าที่เป็นสากล เช่น ความรัก ความเมตตา การให้อภัย และความหวัง ประกอบกับสัญลักษณ์แสงไฟ การประดับตกแต่ง และความรื่นเริงที่เข้าใจได้ง่าย ความเป็นสากลนี้ทำให้คริสต์มาสได้รับความนิยมเป็นเทศกาลแห่งความสุขแม้ในกลุ่มชนที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์
44. คำถาม: เทวดาหรือทูตสวรรค์ในเรื่องราวการบังเกิดพระเยซูมีความหมายในแง่ศาสนาอย่างไร?
เฉลย: เทวดาคือผู้ส่งสารจากพระเจ้า แสดงถึงการเชื่อมโยงระหว่างสวรรค์และโลก ในเรื่องราวการบังเกิด ทูตสวรรค์แจ้งข่าวดีแก่คนเลี้ยงแกะและนำทางโหราจารย์ สะท้อนว่าการบังเกิดของพระคริสต์เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและเป็นข่าวดีสำหรับมนุษยชาติทั้งหมด
45. คำถาม: ในเชิงเทววิทยา วันคริสต์มาสเกี่ยวพันกับแนวคิดเรื่องการไถ่บาปและความหวังในความรอดอย่างไร?
เฉลย: วันคริสต์มาสเป็นจุดเริ่มต้นของการทรงปรากฏในโลกของพระผู้ไถ่ บ่งชี้ว่าพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาเพื่อเรียกมนุษย์กลับคืนสู่พระองค์ผ่านการเสียสละ การบังเกิดจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังในความรอด การคืนดี และอนาคตที่มีพระเมตตา
46. คำถาม: ปฏิทินจุติ (Advent Calendar) มีจุดประสงค์และสัญลักษณ์ทางศาสนาอย่างไร?
เฉลย: ปฏิทินจุติเป็นเครื่องมือช่วยนับวันก่อนถึงคริสต์มาส แต่ละวันผู้ใช้จะเปิดหน้าต่างหรือกล่องเพื่อค้นหาข้อพระคัมภีร์ ถ้อยคำให้กำลังใจ หรือสัญลักษณ์แห่งความหวัง เพื่อให้เตรียมจิตใจพร้อมรับการบังเกิดของพระคริสต์ เน้นการรอคอยด้วยความยินดีและศรัทธา
47. คำถาม: การเฉลิมฉลองคริสต์มาสในมุมมองศาสนาแตกต่างจากการเฉลิมฉลองในเชิงวัฒนธรรมสมัยใหม่อย่างไร?
เฉลย: ในมุมมองศาสนา คริสต์มาสเป็นการระลึกถึงการบังเกิดของพระผู้ไถ่ เน้นความศักดิ์สิทธิ์และความเชื่อ ส่วนในเชิงวัฒนธรรมสมัยใหม่มักเน้นความสนุกสนาน การให้ของขวัญ การพบปะสังสรรค์ และการค้า แม้มีความสุขเหมือนกันแต่มิติทางศาสนามุ่งให้ผู้เฉลิมฉลองเข้าใจความหมายเชิงลึกยิ่งกว่าด้านบันเทิงเท่านั้น
48. คำถาม: ธรรมเนียม “Las Posadas” ในวัฒนธรรมลาตินอเมริกาเกี่ยวข้องกับการเดินทางของโยเซฟและมารีย์อย่างไร?
เฉลย: “Las Posadas” เป็นพิธีเดินขบวนเลียนแบบการเดินทางของโยเซฟและมารีย์ที่หาที่พักในเบธเลเฮม ผู้คนจะเดินถือเทียน ร้องเพลงขอที่พัก จากนั้นมีการต้อนรับในบ้าน เป็นการย้ำเตือนความยากลำบากที่ทั้งสองประสบ และเชื้อเชิญให้นึกถึงการต้อนรับพระคริสต์ในใจเรา
49. คำถาม: การค้าและการตลาดที่ขยายตัวในช่วงคริสต์มาสมีผลกระทบต่อความเข้าใจความหมายแท้จริงของวันคริสต์มาสอย่างไร?
เฉลย: การตลาดและการโฆษณาอาจเน้นเฉพาะบรรยากาศการจับจ่ายของขวัญและการตกแต่ง อาจทำให้ผู้คนหลงลืมความหมายด้านศาสนาและการไถ่บาป อย่างไรก็ตาม คริสต์มาสยังคงเป็นโอกาสสำหรับหลายคนที่จะหวนกลับสู่แก่นแท้แห่งความรัก ความเมตตา และการเฉลิมฉลองพระเมสสิยาห์
50. คำถาม: ความสำคัญของวันคริสต์มาสต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวคืออะไร?
เฉลย: คริสต์มาสเป็นโอกาสให้ครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันความรัก ความสุข และการให้อภัย พิธีกรรมทางศาสนา อาหารมื้อพิเศษ และการให้ของขวัญช่วยเสริมสร้างสายใยภายในครอบครัว ทำให้ครอบครัวได้ทบทวนคุณค่าการอยู่ร่วมกันและความหมายแท้จริงของความรักที่มาจากพระเจ้า
ข่าวล่าสุด