"ประเสริฐ"เผยรัฐบาลเร่งเครื่องแก้ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษา พัฒนาแพลตฟอร์มกลางภาครัฐ ยกระดับทักษะดิจิทัล รองรับ Learn to Earn เรียนรู้มีรายได้ สร้างอาชีพระหว่างศึกษา
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยลงการลงพื้นที่และการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ระดับชาติ ณ โรงเรียนหนองน้ำใส ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.67 พร้อมมีการประชุม Online อบรมเชิงปฏิบัติการการใช้งานระบบสารสนเทศ Thailand Zero Dropout ณ โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ที่มีทุกภาคส่วนในจังหวัดนครราชสีมา และท้องถิ่นทั้ง 333 แห่ง ว่าการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาของชาติอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง หรือ THAILAND ZERO DROPOUT เน้นการแก้ปัญหาใน 4 ประเด็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ได้แก่ 1. การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา 2. การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานโดยใช้พื้นที่เป็นฐานเพื่อลุยดูแลกลุ่มเป้าหมาย 3. การจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นตามโจทย์ชีวิตของเด็กและเยาวชนแต่ละคน และ 4. การสร้างรายได้ไปพร้อมกับการเรียนรู้
นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังจัดทำโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางภาครัฐ เพื่อรองรับการพัฒนาทักษะดิจิทัล เรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต ผ่านรูปแบบ Learn to Earn โดยจะมีการจัดเก็บข้อมูลด้านการศึกษา การฝึกอบรม การจัดหางาน ความต้องการตลาดแรงงาน และเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยการเรียนรู้ และการจับคู่ตำแหน่งงาน Job Matching นอกจากนี้รัฐบาลยังบูรณาการการทํางานร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทาง การศึกษา (กสศ.) และ แพลตฟอร์ม EWE (E-workforce ecosystem) ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ในการพัฒนากําลังคนด้วยมาตรฐานอาชีพให้เป็นมืออาชีพ เพื่อความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน รวมถึงระบบการเทียบโอนสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ และเที่ยงตรงเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของกําลังคน เพื่อรองรับการช่วยเหลือกลุ่มที่ หลุดจากระบบการศึกษา
นายประเสริฐ กล่าวว่า นโยบายลดความเหลื่อมล้ำเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ณ ตรงจุดที่อยู่นี้มี ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่พร้อมร่วมขับเคลื่อนนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้โรงเรียนและชุมชน เช่น การ ให้บริการนักเรียนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับการค้นคว้าหาข้อ มูล และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทุกคน รวมถึงการใช้ อินเทอร์เน็ตนอกเวลาเรีย
"ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งสําคัญที่จะทําให้มาตรการเหล่านี้สําเร็จ คําตอบอยู่ที่การดําเนินงาน ระดับพื้นที่จังหวัด อําเภอ ตําบล และหมู่บ้าน ‘เราทุกคนเป็นเจ้าของเรื่องนี้ร่วมกันครับ’ การแก้ปัญหา THAILAND ZERO DROPOUT ต้องอาศัยทุกคนในชุมชน ทุกอําเภอ ทุกตําบล ทุก หมู่บ้าน ช่วยกันดูแลเด็กและเยาวชนของเรา เพราะพวกเขาคืออนาคตของประเทศไทย จังหวัด นครราชสีมา หรือโคราชเป็นเมืองที่มีศักยภาพและเปี่ยมไปด้วยโอกาสมากมาย การที่จะพัฒนา ไปข้างหน้าได้ ต้องมีรากฐานกําลังคนที่เข้มแข็ง เราต้องไม่ปล่อยให้เกิดการสูญเสีย เด็กและ เยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา หรือไม่ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพแม้แต่คนเดียว เพราะเด็กทุกคนเป็นมนุษย์ทองคํา เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน สร้างโอกาสให้เด็ก และเยาวชนทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ" นายประเสริฐ กล่าว