วันที่ 21 ธ.ค.67 เวลาประมาณ 09.35 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จนท.ดับเพลิง อบต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ บ.สนวน ต.ด่านฯและกำลังลามลุกไหม้บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน จึงประสาน จนท.ดับเพลิงจาก อบต.กาบเชิง, อบต.โคกตะเคียน,อบต.คูตัน, เทศบาล ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง และ รถดับเพลิง อบต.ตาตุม อ.สังขะ รวม 5 คัน ลงพื้นที่ดับเพลิงที่บ้านเกิดเหตุ พร้อมด้วย จนท.อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.กาบเชิง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบเพลิงได้ลุกไหม้บ้าน 2 ชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูนอยู่อย่างรุ่นแรง จนท.เร่งระดมฉีดน้ำดับเพลิงสกัดกั้นไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ใช้เวลากว่าครึ่ง ช.ม.เปลวไฟที่ลุกโหมจึงสงบลง จนท.ดับเพลิงต้องใช้น้ำระดมฉีดดับไฟที่ครุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะบ้านไม้ใต้ถุนสูงหลังแรกที่ถูกเพลิงไหม้เป็นตอตะโก ซึ่งมีฟางก้อน จำนวนมากที่ถูกไฟไหม้ ยังคงคุกรุ่นและมีควันพวยพุ่งออกมา ท่ามกลางชาวบ้านที่มามุงดูและให้กำลังใจเจ้าของบ้านจำนวนมาก
ขณะที่นายยม อายุ 59 ปี และนางยี อายุ 62 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งสองหลัง ถึงกับร้องไห้เป็นลมล้มฟุบ ชาวบ้านต้องคอยประคองและให้ดมยาดม พร้อมทั้งปลอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุ นายอำนาจ บุญคง ปลัด อ.กาบเชิง เป็นตัวแทนนายสุทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นาย อ.กาบเชิง และร้อยตรีไพบูลย์ โพธิสมัคร เลขานายก อบต.ด่าน เป็นตัวแทนนายก อบต.ด่านฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะได้ร่วมกันหาทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
จากการตรวจสอบทรัพย์สินเสียหายเบื้องต้น นอกจากจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เตียงที่นอน อุปกรณ์เครื่องนุ่งห่มและเอกสารสำคัญต่างๆที่ถูกเพลิงไหม้หมดแล้ว ยังพบซากเงิน ซึ่งเป็นธนบัตรแบ๊งค์พันจำนวนมากถูกไฟไหม้ เหลือเพียงซากบางส่วนให้ดูต่างหน้า โดยเจ้าของบ้านระบุว่า มีเงินสด 9 แสนบาท ทองคำหนัก 2 บาท และมีกระปุกออมสินที่มีเงินจำนวนมากประมาณ 5-6 กระปุก ที่เอาออกมาไม่ทันและถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด ส่วนสาเหคุของการเกิดเพลิงไหม้ ยังไม่ชัดเจน อยู่ระหว่าง จนท.ตำรวจ สภ.กาบเชิง จะทำการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป
จากการสอบถามนายยม อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งสองหลัง กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนอาศัยอยู่กับภรรยา ลูกหลานไปทำงานที่ กทม.หมด ตอนเกิดเหตุตนเห็นควัยพวยพุ่งและลุกไหม้อย่างรวดเร็วจากบ้านหลังเก่า ซึ่งตนเก็บฟางก้อนไว้ให้วัว ตนจึงนึกขึ้นได้ว่ามีเงินสดประมาณ 9 แสนบาท สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท และกระปุกออมสินที่เก็บหอมรอมริบไว้ มีทั้งแบงค์พัน แบงค์ห้าร้อยและแบงค์ร้อยต่างๆที่หยอดเก็บสะสมไว้ทั้งชีวิต จากการทำไร่ทำนา และกรีดยาง ประมาณ 5-6 กระปุก อยู่บนบ้านชั้น 2 แต่ไม่ทราบว่าภรรยาเก็บไว้ตรงไหน เพราะเขาไม่อยู่บ้าน ตนพยายามขึ้นไปหาตามตู้ตามที่ต่างๆบนชั้นสอง ระหว่างนั้นเพลิงก็เริ่มลามมาติดตัวบ้านชั้นสอง ก่อนจะมีควันคละคลุ้งเต็มบ้าน ตนหายใจไม่ออก จึงตัดสินใจใช้กำปั้นทุบกระจกหน้าต่าง ออกไปทางหลังคาและกระโดนลงมาเพื่อเอาชีวิตรอด
โดยมีเพื่อนบ้านยกแคร่มารองให้ตนกระโดดลงมา มือตนก็บาดเจ็บ ตนเสียใจมาก ไม่เหลืออะไรแล้ว เงินทองที่เก็บมาทั้งชีวิตวอดหายไปกับตา เงินสดก็เตรียมไว้ไปจ่ายค่ารถไถที่จองไว้แล้วแสนกว่าบาท ไม่รู้จะดำเนินชีวิตยังไงต่อ แต่ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม ตนกเห็นเด็กๆหลายคนวิ่งเล่นออกมาจากบ้านเก่าหลังแรกที่เก็บฟาง ไม่นานก็เห็นควันพวยพุ่งออกมา ตนไม่อยากเอาเรื่องเด็กๆถือเป็นเวรเป็นกรรมของตนเอง