สตม.บุกตลาดสี่มุมเมืองตรวจสอบแรงงาน 3 สัญชาติทำผิด ก.ม. ดำเนินคดีรวม 38 ราย

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ให้ สตม. เร่งรัดปราบปราม การกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงาน 3 สัญชาติ นั้น  ล่าสุด พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, ว่าที่ พ.ต.อ.ดุสิต จิตรขุนทด ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัด สตม. ได้แก่ ตม.จว.ปทุมธานี, กก.สส.บก.ตม.3, กก.2 บก.สส.สตม. บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต และเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดปทุมธานี รวมกว่า 100 นาย ได้เข้าตรวจสอบคนต่างด้าวบริเวณตลาดสี่มุมเมือง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีเพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรมมช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่

เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุ พบคนต่างด้าว 3 สัญชาติ กว่า 1,000 ราย ทำงานอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าว ผลการปฏิบัติ จับกุมผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 รวมทั้งสิ้น 38 ราย ดังนี้

1. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 21 ราย

2. ข้อหา เป็นเจ้าบ้านรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ตาม ม.38 จำนวน 16 ราย (ต่างด้าว 26 คน)

3. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวไม่แจ้งการอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าเก้าสิบวัน ตาม ม.37(5) จำนวน 1 ราย

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.ฯ ปรก.รอง ผบช.สตม. ยังได้เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการทำงานในด้านต่างๆ ดูได้จากการที่ ครม. มีมติผ่อนผันการทำงานของแรงงานต่างด้าว ตลอดจนปัจจุบันก็อนุญาตให้คนต่างด้าวสามารถทำงานขายของหน้าร้านได้ โดยต้องมีนายจ้างและอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยกระทรวงแรงงาน นั้น แต่ก็ยังคงมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทั้งโดยเจตนา หรือโดยความไม่รู้ของผู้ประกอบการ ซึ่งทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็มิได้นิ่งนอนใจ ส่วนหนึ่ง จึงได้มีการกวดขัน ปราบปราม เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดและบังคับให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ เจ้าของร้านที่มีลูกจ้างเป็นต่างด้าวขายของหน้าร้าน ผู้ประกอบการต้องอยู่ประจำที่ร้านหรือสถานประกอบการด้วย เป็นการยืนยันว่ากิจการดังกล่าวเป็นกิจการของนายจ้างคนไทยทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแฝงตัวของคนต่างด้าว กรณีประกอบกิจการเองโดยผิดกฎหมาย