จากกรณีที่พ่อพิการร้องขอให้ “กัน จอมพลัง” ช่วย หลังถูกลูกทรพี ทำร้ายเป็นประจำ ล่าสุดถูกใช้จอบจามหัว เย็บ 18 เข็ม ก่อนหน้าเคยถูกมีดฟัน และสากกะเบือทุบหัวเย็บไปหลายเข็ม สุดจะทนต้องพากันหนีออกจากบ้านทั้งครอบครัว แจ้งความไปหลายเดือนแต่เรื่องก็เงียบไป ตอนนี้ถอดใจเลยตัดสินใจขายบ้าน เนื่องจากกลับไปอยู่ไม่ได้ เพราะลูกทรพียังไม่ถูกจับ และเข้ามาขโมยข้าวของในบ้านไปขาย แถมยังขู่จะฆ่าให้ตายถ้ากลับมาที่บ้าน 

ล่าสุด วันที่ 22 ธ.ค.67 เวลา 13.30 น.กัน จอมพลัง พร้อมคณะได้ นำนายประชา อายุ 58 ปี และ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี นศ.วิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ลูกสาวลงพื้น สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีเพื่อให้การช่วยเหลือด้านคดี โดยประสาน พ.ต.อ.ประกร นามศรี ผ.ก.ก.สภ.แก่งคอย (ติดภารกิจ) ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุทธิชัย ศรีอ่อน รอง ผ.ก.ก.(สอบสวน) สภ.แก่งคอย ต้อนรับและอำนวยความสะดวก

กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า กรณีนี้ ผู้เสียหายได้เดินทางไปร้องทุกข์กับตน ที่ กทม.รอบหนึ่งแล้ว ซึ่ง นายประชา ผู้เสียหายพิการ (ขาซ้ายขาด) ใส่ขาเทียม เล่าให้ฟังว่า เลี้ยง นายศราวุทธ หรือหนึ่ง อายุ 37 ปี ลูกติดภรรยา (ลูกเลี้ยง) มาตั้งแต่เด็กๆ รักเหมือนลูก บวชให้ แต่งงานให้เงินให้ทองแต่โตขึ้นทรพี สอบถาม น.ส.เอ ลูกสาวเล่า นายศราวุทธ มีพฤติกรรมชั่วร้าย มักอัดพ่อเป็นประจำโดนมาเป็น 10 ครั้งแล้วโดนหลังสุดโดนทุบตี แถมใช้จอบจามศีรษะเย็บ 18 เข็มต้องนอนโรงพยาบาล 4-5 วัน สุดทนแล้วจึงได้พาครอบครัว (9 คน) หนีออกจากบ้าน 3 เดือนแล้วไม่ได้กลับบ้านเกรงจะไปเจอลูกชาย เดี่ยวจะโดนอัดอีกซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายเคยเข้าแจ้งความร้องทุกข์มา 2 ครั้งแล้ว ส่วนเรื่องของคดีเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการ ตอนนี้ครอบครัวนี้เหมือนหมดหวังต้องประกาศขายบ้านแล้วของในบ้านก็ถูกขโมย กลับบ้านไม่ได้ ตนคิดว่าทำไมเป็นเช่นนี้ คนถูกกระทำ ทำไมต้องหลบหนี ส่วนคนกระทำน่าจะละอาย ไม่ใช่คนถูกกระทำต้องมาละอายถึงกับต้องขายบ้านด้วย ตนจึงได้ประสานมายัง ผู้การฯ สระบุรี และท่านได้สั่งการให้ ผู้กำกับ สภ.แก่งคอย ดำเนินการ โดยมี รอง ผ.ก.ก. พ.ต.ท.สุทธิชัย ศรีอ่อน เป็นผู้รับเรื่อง ซึ่งท่านรับปากที่จะดำเนินการในทางคดีให้อย่างเต็มที่ ในส่วนที่ยังกังวลใจคือเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยว่า จากนี้เขาจะสามารถกลับไปอยู่บ้านได้ไหมทางตำรวจจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างไรที่จะให้พวกเขากลับไปอยู่บ้านได้

อีกประเด็นในเรื่องของข้อหา เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นมานาน 3 เดือนแล้ว แจ้งความมา 2 ครั้งแล้วในเรื่องของการทำร้าย ซึ่งตำรวจเขาก็ช่วยเหลือเต็มที่แล้ว แต่มองว่าข้อหาทางคดีคือการทำร้ายร่างกายประเด็นอื่น ทำอย่างไรให้มากไปกว่านี้ได้ไหม เช่นบาดแผลสาหัสต้องเย็บถึง 18 เข็มที่ถูกผู้ต้องหาใช้จอบจามหัวจะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มได้หรือไม่ หรือต้องรอผลจากแพทย์ผู้รักษาระบุมา เช่นบาดแผลดังกล่าวที่ถูกทำร้ายถูกกระแทกมีบาดแผลฉีกขาด ลึกถึงกะโหลกศีรษะ หากไม่รักษาอาจถึงแก่ความตายได้หรือไม่ คงต้องให้ตำรวจอัพเดทเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งตนมาวันนี้ก็เพื่อช่วยเหลือตามที่ครอบครัวนี้กังวล ได้ร้องขอให้ตนมาช่วยเหลือครับ

ด้าน พ.ต.ท.สุทธิชัย ศรีอ่อน รอง ผ.ก.ก.สภ.แก่งคอย กล่าวว่า เรื่องของคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเร่งรัดติดตามาตลอด ส่วนผลทางคดีทางศาลแขวงให้รอผลจากทางแพทย์ก่อน ในประเด็นที่ คุณกัน สงสัยว่า ข้อหาทำร้ายร่างกายจะเข้า ทำร้ายร่างกายสาหัสหรือไม่ หรือพยามฆ่าไหมซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ประสานกับแพทย์เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม สอบพยานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังไม่ครบถ้วน เบื้องต้นมีการสอบปากคำมีการดำเนินคดีมาโดยตลอด และจะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีกส่วนเรื่องการใช้ยาเสพติด จะสืบสวนคิดตามซึ่งผู้ต้องหารายนี้ก็ได้มีการดำเนินคดีไปบ้างแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ ผกก.ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้รัดกุมสอบปากคำให้ครบถ้วนดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อให้ชาวบ้านปลอดภัย

จากนั้น กัน จอมพลัง และทีมงานได้ ให้นายประชา (ผู้เสียหาย) และลูกสาวพาไปบ้านหลังหนึ่ง ม.4 ต.ท่าตูม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี บ้านที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านถูกปิดล็อกกุญแจไว้เมื่อเปิดเข้าไปภายใน พบสิ่งของในบ้านในห้องนอนถูกรื้อค้นกระจุยกระจายไปทั่ว ประตูด้านหลังถูกงัด หน้าต่างบานเกล็ดถูกทุบกระจกแตก ช่องลมด้านบนด้านข้างตัวบ้านถูกทำลายเป็นช่องโหว่เพื่อมุดเข้ามาภายในบ้าน ในขณะเดียวกัน นายประชา พา กัน จอมพลัง และผู้สื่อข่าวไปด้านหลังบ้าน และแจ้งว่า เหล็กท่อน ที่ตนเตรียมไว้ต่อเติมบ้านถูก นายศราวุทธ หรือหนึ่ง ลักขโมยไปขายจนเกลี้ยง

สอบถามหญิง สูงวัยรายหนึ่งที่อุ้มหลานมายืนดูการทำงานของ กัน จอมพลัง ทราบว่า ครอบครัวนี้ ทะเลาะกันเป็นประจำ หลังจากดื่มเหล้าด้วยกัน แล้วก็ทะเลาะกันเอง โดยเฉพาะตัว นายหนึ่ง นั้นมีพฤติกรรมกาวร้าวเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านในละแวกนี้

ทางด้านนายบุญช่วย มาลา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.ท่าตูม เล่าว่า เท่าที่พบเห็นก็จะเห็นว่าพ่อเลี้ยงจะถูกทำร้ายอยู่เป็นประจำ ซึ่งตนเองคิดว่าน่าจะเสพยาด้วย เป็นแบบนี้มานานหลายปีแล้วตนเองก็รับรู้มาตลอด ซึ่งถ้ามีแจ้งเข้ามาหาตนเองตนเองก็จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อให้เข้ามาระงับเหตุ ล่าสุดที่ตนเองเห็นก็น่าจะเกิดเหตุฟันหัวพ่อ โดยใช้จอบเพราะเห็นว่าหัวแตกด้วย ซึ่งเหตุเกิดประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งตอนที่เกิดเหตุเขาก็จะอยู่กันกับครอบครัวของเขา พอเกิดเหตุแล้วจึงได้มีลูกบ้านแจ้งเข้ามา ซึ่งจะเกิดเหตุแบบนี้บ่อย และพ่อเลี้ยงก็เป็นคนพิการด้วย ส่วนในเรื่องการดื่มกันนั้นตนเองก็เห็นดื่มกันบ่อย แต่ไม่ค่อยได้ร่วมวงกัน แต่เมื่อได้รับแจ้งเหตุตนเองก็จะเข้ามาประสานเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง

น.ส.เอ (นามสมมติ) เล่าว่า ตั้งแต่ตนเองจำความได้ก็เห็นมีการทะเลาะตบตีกันมาตลอด นานหลายปีมาแล้ว พ่อของตนเองจะถูกทำร้ายมาโดยตลอด ส่วนใหญ่พ่อจะถูกทำร้ายตอนเมาและตอนเขาเสพยา ส่วนที่รู้ว่าเขาเสพยานั้นตนเองดูจากพฤติกรรมของเขา โดยส่วนตัวแล้วตนเองไม่เคยถูกทำร้าย มีก็เพียงพี่สาวที่ถูกทำร้ายโดยการเตะเข้าที่หลัง ตนเองรู้สึกสงสารพ่อมาก