‘ปชน.’ แถลงรับความพ่ายแพ้ ‘นายก อบจ.อุบลฯ’ อีกจังหวัด ‘พิจารณ์’ ยัน ไม่ท้อ พร้อมทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เชื่อ ยิ่งคนออกมาใช้สิทธิ์ ยิ่งมีสิทธิ์ชนะ ด้าน ‘สิทธิพล’ ย้ำ ยังทำงานกับพรรคต่อ
22 ธ.ค.2567 – เวลา 19.45 น. ว ที่จังหวัด อุบลราชธานี พรรคประชาชน นำโดย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน, นายคำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และนายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครจากพรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารราชการส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี ยังไม่เป็นทางการ
โดยนายพิจารณ์ กล่าวว่า แม้พรรคประชาชนจะไม่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากพี่น้องชาวอุบลราชธานี แต่เรายังเห็นสัญญาณจากผลการเลือกตั้งที่นับไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคาดว่าพรรคประชาชนน่าจะได้รับความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น จากการเลือกตั้งในปี 63 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรายังหวังว่าผู้สมัครที่ได้รับความไว้วางใจ และชนะการเลือกตั้ง จะหยิบยกเอานโยบายที่พวกเราได้นำเสนอต่อประชาชน หากเห็นว่านโยบายใดเป็นนโยบายที่ดี สามารถตอบโจทย์ หรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ เราก็ไม่สงวน และยินดีที่อยากจะให้ผู้สมัครที่ได้รับความไว้วางใจ นำนโยบายไปดำเนินการต่อไป
“ส่วนการทำงานในระดับภาพใหญ่ ในวันที่ 23 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดรับสมัครนายก อบจ.ในหลายจังหวัด ซึ่งพรรคประชาชนพร้อมที่จะส่งผู้สมัครทั้งหมด 17 จังหวัด และในอีก 40 จังหวัดที่ไม่มีผู้สมัครนายก อบจ. แต่จะยังมี ส.อบจ. ลงสมัคร จึงขอให้พี่น้องประชาชน ร่วมติดตามและสนับสนุน ยืนยันว่า เราไม่ย่อท้อ และจะยังคงทำงานบนเส้นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาต่อไป” นายพิจารณ์ ระบุ
ขณะที่นายสิทธิพล กล่าวว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง ของพี่น้องคนอุบลราชธานี ที่ไว้วางใจลงคะแนนเสียงให้พรรคประชาชน ถึงตอนนี้ดูแล้วคะแนนอาจจะยังไม่มากพอ ไม่ได้รับเลือกเข้าไปบริหาร อบจ. ตนเองในนามผู้สมัครจะทำงานภาคประชาชน ร่วมกับพรรคประชาชน รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนคนอุบลราชธานีต่อไป ส่วนจะอยู่ในตำแหน่ง หรือจุดไหน ก็ต้องแล้วแต่พรรคประชาชน จะให้ทำงาน ซึ่งตนก็พร้อมทำงานเพื่อคนอุบลต่อไป
ด้านนายคำพอง กล่าวว่า วันนี้เราได้เตรียมการโดยเฉพาะการเลือกตั้งท้องถิ่น สำหรับ อบจ.อุบลราชธานี เราเตรียมการมาแล้ว 4 ปี และได้ทำตามนโยบายตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ว่าเราจะส่งเสริมสนับสนุนสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น และส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง
นายคำพอง กล่าวต่อว่า ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราได้มีการสรรหาผู้ลงสมัครเลือกตั้ง จนได้นายสิทธิพล และทีมงานที่อาสาเข้ามาช่วยลงพื้นที่ รวมถึงการทำนโยบายตามความต้องการ ศักยภาพ และปัญหาของพี่น้องชาวอุบลราชธานี แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ในการใช้นโยบายเอาชนะใจของประชาชนชาวอุบลเสียงส่วนมาก แต่เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายงานทำเรื่องท้องถิ่น เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อไป
เมื่อถามว่า มองสัดส่วนของคะแนนเป็นอย่างไร นายพิจารณ์ ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 1.4 ล้านเสียง จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เท่าใด ถ้าดูจากสัดส่วนผลการนับคะแนนของผู้สมัครทั้ง 4 ท่าน จะพบว่าคะแนนของ นายสิทธิพล อยู่ที่ประมาณ 15% ของผู้ใช้สิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งหากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างใกล้เคียงกับการเลือกตั้งทั่วไปปี 2563 ก็เชื่อว่าคะแนนของ นายสิทธิพล จะอยู่ที่ประมาณ 1-1.2 แสนคะแนน หรือมากกว่านั้น
นายพิจารณ์ ยืนยันว่า พรรคประชาชนพร้อมที่จะส่งผู้สมัครทั้งหมด 17 จังหวัด ในสนามนายก อบจ. และ 40 จังหวัดที่ส่งเฉพาะ ส.อบจ. มีการคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณภาพ นายสิทธิพล ก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการคัดเลือก ดังนั้น ทุกสนามเราก็มีความมั่นใจและสู้เต็มที่ แต่ในการเลือกตั้ง ไม่มีใครเป็นเจ้าของเสียงของประชาชน เราก็ต้องแข่งขันกันด้วยนโยบาย ด้วยการทำงานหนัก แล้วเราจะต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีกใน 17 จังหวัดที่เหลืออยู่
นายพิจารณ์ ยังมองว่า สำหรับการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นยังมีความแตกต่างกันอยู่ จะเห็นได้ว่าคะแนนในการเลือกตั้งปี 2563 ของพรรคในจังหวัดอุบลราชธานีค่อนข้างสูง เทียบกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น การเลือกตั้งระดับชาติจะสะท้อนผ่านการทำงานของ สส. พรรคประชาชนในสภา การเสนอกฎหมาย อภิปราย และการตรวจสอบรัฐบาล เป็นสิ่งที่เข้มงวดมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนถึงพรรคประชาชน ในลักษณะของฝ่ายค้านเชิงรุก คือเป็นฝ่ายค้านที่มีข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหาร เชื่อว่าการทำงานที่เน้นข้อมูลแบบนี้จะยังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั้งให้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ส่วนการลงพื้นที่ของผู้ช่วยหาเสียงจากแต่ละพรรคการเมืองจะมีผลต่อคะแนนเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายพิจารณ์ เชื่อว่า ทั้งการลงพื้นที่ของแกนนำพรรค รวมถึงผู้ช่วยหาเสียงของแต่ละพรรค ลงกันมาเยอะๆ ยิ่งดี จะได้มีกระแสให้ประชาชนมาสนใจ เพราะบางครั้งการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ผู้ออกมาใช้สิทธิ์จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งระดับชาติ มองว่ายิ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นโอกาสให้พรรคประชาชนที่จะได้รับความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น.