เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้จัดให้มีการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยสั่งการให้ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.อิธิธร ประเสริฐศักดิ์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3
ปฎิบัติหน้าที่สามารถจับกุม นายจุง (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี สัญชาติเกาหลี ผู้ต้องหารายสำคัญที่ถือหนังสือเดินทางทั้งสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศวานูอาตู ซึ่งมีลักษณะเป็นพิรุธจึงได้ทำการตรวจสอบเชิงลึกและพบว่าเป็นบุคคลที่มีหมายจับของสาธารรณรัฐเกาหลี โดยได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้จนทราบว่า ห้วงปี 2566 ที่ผ่านมาทางการเกาหลีใต้ได้เปิดปฏิบัติการทลายกลุ่มเครือข่ายเว็บไซต์เครือข่าย ‘Top Plus Bet (top-911.com), ‘B-Plus’, ‘Dynamisty’, ‘Togenot’ ซึ่งจัดให้มีการเล่นการพนันประเภท บาคาร่า, พาวเวอร์บอล และการพนันออนไลน์อื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย สามารถจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดนับสิบราย
กลุ่มดังกล่าวได้ลักลอบเปิดให้บริการเว็บไซต์รับพนันออนไลน์อย่างผิดกฎหมายมาแล้วกว่า 5 ปี มีการเปิดบัญชีธนาคารถึง 80 บัญชีเพื่อใช้หมุนเวียนเงิน รวมยอดเงินกว่า 592,605,368,921 วอน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยนายจุง (ผู้ถูกจับในครั้งนี้) รับทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแล และบริหารจัดการเครือข่ายเว็บไซต์การพนันดังกล่าว รวมถึงควบคุมฐานข้อมูลผู้ใช้และแบ่งสรรรายได้ภายในกลุ่มขบวนการ ภายหลังเมื่อมีการจับกุมและขยายผล พบว่านายจุงได้หลบหนีมายังประเทศไทยเพื่อหลบซ่อนตัว
โดย นายจุงได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในคอนโดหรู บนห้องพักชั้น 40 แห่งหนึ่งในพัทยา โดยขณะจับกุมสามารถตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ต.ณัฐกร ผบก.ตม.3 ได้เปิดเผยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทางการเกาหลีใต้ ประกอบกับอยู่ในห้วงของการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในส่วนที่คนต่างด้าวอาศัยประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อนจากการกระทำผิด โดยในการนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่า นายจุงได้ถือสองสัญชาติ ซึ่งการถือสัญชาติดังกล่าวมีลักษณะเป็นพิรุธ ประกอบกับครั้งนี้ คนร้ายยังอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินการตามกฎหมายไทยต่อไป