ชาวม่วงงามเฮ ศาลสั่งยกเลิกโครงการเขื่อนกันคลื่น ไม่ชอบด้วยกม. ให้รื้อถอนปรับสภาพชายหาดให้เหมือนเดิม พร้อมยกฟ้องคดีที่ 2,3 ด้วย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม ศาลปกครองสงขลา นัดอ่านผลแห่งคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ ห้องพิจารณาคดีที่ 1 คดีนี้ มีน.ส.เปรมชนัน บำรุงวงค์ กับพวกรวม 5 คน เป็นผู้ฟ้องคดี กรมโยธาธิการและผังเมือง, กรมเจ้าท่า และ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1-3 ตามลำดับ โดยทีมทนายความมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (CRC) และตัวแทนของ Beach for Life เป็นผู้รับมอบอำนาจของผู้ฟ้องคดีทั้งห้า

ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องศาลปกครองสงขลา ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอนและระงับการดำเนินโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ พื้นที่ชายฝั่งหมู่ที่ 7 ตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และ โครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ พื้นที่ชายฝั่งหมู่ที่ 7 หมู่ที่ 8 หมู่ที่ 9 ตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา (ระยะที่ 2) เนื่องจากเห็นว่า พื้นที่หาดม่วงงามตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นหาดสมดุลย์ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อชายหาดทำให้เกิดการกัดเซาะท้ายโครงการ ทั้งนี้ ศาลปกครองสงขลารับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีหมายเลขดำที่ ส.3/2563

ระหว่างการพิจารณาศาลปกครองสงขลาได้ลงเดินเผชิญสืบ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสภาพชายหาดม่วงงามพร้อมผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดี แล้วมีคำสั่งให้ระงับโครงการไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ทำให้โครงการดังกล่าวยังไม่ได้เริ่มมีการก่อสร้างใดๆ ทั้งสิ้น

โดยในการดำเนินคดี เป็นการทำงานร่วมกันกับชุมชนชาวบ้านหาดม่วงงาม อ.สิงหนคร Beach for Life นักวิชาการ และทีมทนายความของ CRC เพื่อส่งข้อมูลให้เห็นถึงความสำคัญของหาดม่วงงาม และความไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมของโครงการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา ศาลปกครองสงขลา นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งเเรก ซึ่งตุลาการผู้แถลงคดี มีความเห็นว่า ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งชายหาดม่วงงามมีน้อย การใช้มาตราการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็น และต้องได้สัดส่วน ตามหลักการความได้สัดส่วน การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ใช้มาตราการป้องกันโดยก่อสร้างกำแพงกันคลื่นตามฟ้องเป็นการกระทำที่ไม่ได้สัดส่วน และขัดต่อความได้สัดส่วน โครงการตามฟ้องของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้งห้า เห็นควรเยียวยาผู้ฟ้องคดีทั้งห้า ด้วยการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของโครงการให้พ้นไป และปรับสภาพชายหาดให้คืนสภาพเดิม

คดีนี้ จึงเห็นควรพิพากษายกเลิกโครงการตามฟ้องของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของโครงการกล่าวให้พ้นไปจากชายหาด และปรับสภาพชายหาดให้เหมือนเดิม พร้อมทั้งยังคงให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวยังมีผลใช้บังคับและยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และ ที่ 3