ดำรงค์ ขวางนิรโทษกรรม “คดีทับลาน” ให้นายทุน ชี้เท่ากับหนุนให้คนรุกป่าเพิ่มขึ้นลามทั่วประเทศ หากนิรโทษฯ ไม่เอาผิดอาญา ต้องคืนที่ดินรื้อถอนรีสอร์ต-บ้านพักตากอากาศรุกป่า ด้านอธิบดีกรมอุทยานฯ แจงปมนิรโทษกรรมทับลาน ยังไม่ชัดเจน ยืนยันยึดหลักกฎหมายและมติ ครม.เชื่อ ครม.คงไม่พิจารณาในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ขณะที่ รมว.ทส.โยนแกนนำรัฐบาลชี้แจง
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม นายดำรงค์ พิเดช อดีตหัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานฯทับลาน และมีการจับกุมรีสอร์ต และบ้านพักตากอากาศหรู ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ กว่า 400 คดี เปิดเผย กรณีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดิน แก้ปัญหาทับลาน หลังลงพื้นที่สำรวจพบชาวบ้าน 400 รายถูกฟ้อง จึงสั่งตั้งคณะกรรมการ เร่งทำ One Map และแก้ปัญหาใน 60 วัน
โดยระหว่างนี้ให้ชะลอคดี จัดทำมาตรการเยียวยา รวมถึงมาตรการนิรโทษกรรมล้างมลทินให้ประชาชนที่ถูกฟ้อง โดยจะเสนอให้ ครม.พิจารณา(ครม.) ว่า ถ้าเป็นการนิรโทษกรรมให้คนยากคนจนที่ถูกดำเนินคดีตนก็เห็นด้วย แต่ถ้าเป็นการนิรโทษกรรมให้เศรษฐีหรือเจ้าของรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศที่ถูกดำเนินคดี ถามว่านิรโทษกรรมคดีให้แล้ว เขาคืนที่ดินให้หรือไม่ ถ้าไม่ดำเนินคดีอาญาแล้ว คุณก็ต้องคืนที่ดินให้กลับมาเป็นของอุทยานฯ แต่ถ้านิรโทษกรรมแล้วยังเป็นที่ของคน ๆ นั้นอยู่ตนไม่เห็นด้วย เพราะเท่ากับเป็นการนิรโทษกรรมและส่งเสริมให้คนบุกรุกพื้นที่ป่า ถ้านิรโทษกรรมที่นี่ก็ต้องไปนิรโทษกรรมทั่วประเทศหรือไม่ หากไม่เอาความผิดในเรื่องคดีอาญา อาจจะอ้างว่าไม่รู้หรืออะไรก็ตาม นิรโทษกรรมแล้วต้องคืนพื้นที่ให้อุทยานฯ ทับลาน
เมื่อถามว่าจะเป็นการนิรโทษกรรมให้นายทุน ผู้ประกอบการ รีสอร์ต บ้านพักตากอากาศที่ถูกจับกุมในยุคนายดำรงค์เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ หรือไม่ นายดำรงค์ กล่าวว่า สมัยตนไม่ได้จับกุมดำเนินคดีกับคนยากคนจน แต่ดำเนินการกับนายทุน ผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องนี้ตนยังไม่รู้ว่าเขาจะใช้กฎหมายใดในการดำเนินการ เท่าที่รู้ไม่มีกฎหมายเปิดช่องให้ทำ ได้ ซึ่งความผิดฐานบุกรุกป่า ตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ มีโทษสูงมากจำคุกถึง 20 ปี หากจะมีการนิรโทษกรรมโดยอ้างว่าไม่รู้ ก็เป็นเรื่องของคดีอาญา ส่วนรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศที่บุกรุกพื้นที่นั้นต้องรื้อถอนตามกฎหมาย และสุดท้ายต้องคืนพื้นที่ให้กรมอุทยานฯ เพื่อนำมาฟื้นฟูสภาพป่า หรือนำไปจัดสรรเป็นที่ทำกินให้คนยากคนจนตามมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยานฯ 2562 ส่วนสิ่งปลูกสร้างหรือรีสอร์ตที่เป็นคดีก็ต้องรื้อถอนออกจากพื้นที่ด้วย
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบแนวทางว่าจะคัดกรองคนที่ควรได้รับสิทธินิรโทษกรรมอย่างไร เพราะในเรื่องนี้ทางกรมอุทยานฯ ยังไม่มีการพูดคุยใดๆ เลย แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก จะยกเว้นอะไรไม่ได้
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นนโยบายของทางรัฐบาล เพราะยังไม่มีการพูดคุยกัน วันนี้กรมทำหน้าที่ในการนำเสนอข้อมูล รับฟังความคิดเห็นข้อเรียกร้องจากประชาชนในทับลาน โดยกรมจะนำข้อมูลทุกอย่างเสนอไปยังคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ แล้วนำความเห็นของคณะกรรมการอุทยานฯ ส่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) พิจารณา ขณะนี้ในสำนวนคดีทับลาน มีการแยกคดีของผู้ประกอบการ และชาวบ้านไว้แล้ว เพราะการดำเนินคดีชุดจับกุมมีการแยกไว้แล้ว ว่าแต่ละคดี หรือบุคคลนั้นๆ มีคุณสมบัติตามมติครม. 30 มิถุนายน 2541 , 26 พฤศจิกายน 2561 ที่ได้รับการผ่อนปรนหรือไม่
อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่า การนิรโทษกรรม ทางกรมอุทยานฯ ยังบอกไม่ได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่ เพราะการนิรโทษกรรมดังกล่าว คงต้องไปดูว่ายกเว้นแบบใด ปีไหน กลุ่มไหน หรือเฉพาะการผ่อนปรนตามมติครม. แต่การนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะปัจจุบันเรามีกฎหมายบังคับใช้อยู่แล้ว ซึ่งการพิจารณาต้องอยู่ภายในกฎหมาย การนิรโทษกรรมจึงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะบุคคลที่ครอบครองที่ดิน แต่ไม่มีคุณสมบัติ หรือไปเป็นไปตามนโยบายที่รัฐกำหนดไว้ เพราะการนิรโทษกรรมจะไปขัดกับกฎหมายเดิมที่มีไว้ ตนเชื่อว่าเรื่องนี้คงต้องมีการพูดคุยกันอีกเยอะ
“ฝ่ายข้าราชการยังยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก ยึดหลักมติครม. และมีมาตรการที่ชัดเจนว่าใครบุกรุกใหม่หลังปี 57 ก็โดนดำเนินคดีหมด เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีคงไม่พิจารณาในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ต้องดูข้อกฎหมายในรอบด้าน การนิรโทษกรรมไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ดีในเรื่องที่สามารถไปจัดสรรที่ดินทำกินตามกรอบมติครม. 30 มิถุนายน 2541 , 26 พฤศจิกายน 2561 นำมาสู่การจัดสรรที่ดินทำกิน เชื่อว่าการนิรโทษกรรม ต้องยึดหลักมติครม.ดังกล่าวด้วย” อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว
ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้เลย ถ้าทราบจะบอก แต่ทั้งหมดยังไม่ทราบเรื่อง ถึงเวลาคงมีการคุยกัน โดยขอให้แกนนำรัฐบาลเป็นคนเริ่มเรื่องนี้เอง