งานแรกๆ ของ อัลเบิร์ต กาเปญาส ในการคุมทีมชาติฟิลิปปินส์ คือฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ที่ จ.สงขลา เมื่อเดือน ต.ค.

ก่อนหน้านั้น เขาถูกตั้งเป็นโค้ชขัดตาทัพของ ฟิลิปปินส์ ในศึกเมอร์เดก้าคัพ ที่มาเลเซีย ในเดือน ก.ย. แพ้ เจ้าถิ่น 1-2 และเสมอ ทาจิกิสถาน 0-0(ก่อนแพ้จุดโทษ) และเมื่อจบรายการ ก็ได้แต่งตั้งเป็นทางการ

ตอนมาสงขลา เขายอมรับว่าไม่รู้จักนักเตะของตัวเองดีนัก ต้องใช้เวลาศึกษา แต่แม้เพิ่งมาจับงาน ยังไม่ค่อยรู้จักใคร พลพรรค “อัซกัลส์” ก็สร้างความลำบากให้ไทยพอสมควร ตามตีเสมอ 1-1 ก่อนไทยเร่งเครื่องชนะ 3-1 จาก ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ใน 2 ลูกท้าย ก่อนที่จะจบทัวร์นาเมนท์ด้วยอันดับ 3 หลังชนะ ทาจิกิสถาน 3-0(ที่เดือนก่อนเสมอ 90 นาที 0-0)

ฟิลิปปินส์ อุ่นเครื่องบุกแพ้ ฮ่องกง 1-3 ก่อนเข้าทัวร์นาเมนท์อาเซียนคัพ ผ่านรอบแรกไม่แพ้ใคร

3 เกมแรกเสมอ 1-1 ทั้งหมด ในการเล่นในบ้านกับ เมียนมา, เยือน ลาว และเกมหย้ากับ “ทีมเต็ง” เวียดนาม ชนิดมาโดนดาวทองตีเสมอนาทีที่ 90+7 ก่อนจะบุกไปล้วงตั๋วรอบรองฯ ที่อินโดนีเซีย บุกชนะ 1-0

ผลงานรอบแรกไม่แพ้ใคร และเสียแค่ 3 ประตู

นักเตะฟิลิปปินส์ มาเล่นในไทยเพียบ ชุดนี้ แม้ไม่มีดาวดัง นีล เอเธอร์ริดจ์ โกล, เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส จากบุรีรัมย์, เจสเซ เตอร์แรน จากราชบุรี, แพทริก สเตรา จาก เมืองทอง ฯลฯ

แต่มี ออสการิ เก็กโกเนน, กิเก ลินาเรส จาก ลำพูน, สกอตต์ วูดส์ จากเมืองทอง รวมทั้ง อมานี อากินัลโด ที่เล่นไทยลีกมานาน รวมทั้ง พาทริค ไรเชลต์ ที่เคยเล่นกับ สุพรรณบุรี, พีที ประจวบ แต่รายหลังเพิ่งเลิกเล่นทีมชาติไป

ฟิลิปปินส์ อาจไม่โดดเด่น ทางเกมรุกวูบวาบ โดย 4 ประตูที่ได้ในรอบแรก มี 2 ประตู หรือครึ่งหนึ่งในนั้นมาจากจุดโทษ รวมทั้งในเกมเด็ดปีกการูด้า

แต่ระบบการเล่นแข็งแกร่ง เน้นเหนียวแน่น ตื๊อไม่หยุด ที่ไทยก็เคยอึดอัดมาแล้ว ในบอลคิงส์คัพ

ส่วนกุนซือ กาเปญาส ชาวสเปน วัย 57 ปี ดีกรีไม่ธรรมดา เขาเคยเป็นโค้ชบาร์เซโลนา B, เดนมาร์ก ชุด 21 ปี และ มิดทิลแลนด์ ทีมดังในเดนมาร์ก

อีกจุดที่เป็นจุดแข็ง คือการเล่นในริซาลเมโมเรียล “สนามหญ้าเทียม” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พื้นผิวสนาม การเด้งของลูกบอลต่างจากหญ้าจริง ต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร

ย้อนไปปี 2019 ในซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ ทีมไทย ภายใต้การนำของ อากิระ นิชิโนะ เคยไปเจอสภาพสนามแบบนี้ นักเตะอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ไปกันเต็มทัพ แต่เราเปิดหัวด้วยการแพ้ อินโดฯ ที่ ริซาลฯ ทำให้สถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ ก่อนจบด้วยการตกรอบแรก

และผลงานในอาเซียนคัพ 2024 รอบแรกก็เห็นๆ ถึงความเขี้ยว ขนาด เวียดนาม ที่เตรียมตัวมาดีที่สุด พร้อมที่สุด ยังเกือบเอาตัวไม่รอด

ข้อดีอย่างหนึ่งของทีมไทย คือ มีเวลาสร้างความพร้อมเกือบสัปดาห์ ก่อนไปเยือนที่มะนิลา มาซาทาดะ อิชิอิ ได้มีโอกาสพานักเตะไปซ้อมสนามหญ้าเทียม ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี 1 ครั้ง และไปซ้อมอีกทีที่ฟิลิปปินส์

รอบแรกของไทย เข้ารอบอันดับ 1 แบบชนะรวด แต่จิ๊กโก๋ ยังไม่ถูกใจ โดยเฉพาะเกมสุดท้าย ที่ชนะ กัมพูชา(แค่) 3-2

มองแง่ดี บอลไทยเข้ารอบไปแล้ว และนักเตะก็ยังไม่พร้อมเต็มที่ และมีการโรเตชั่นรักษาร่างกาย แต่ในรอบรองฯ เป็นต้นไป แม้ไม่ 100 % ก็ใกล้เคียงแล้ว

สุภโชค สารชาติ จะพร้อมลงสนาม, เบนจามิน เดวิส หายเจ็บ อยู่ที่ว่าจะส่งลงสนามเลยหรือไม่ ส่วน เอกนิษฐ์ ปัญญา จะไม่ได้เล่นตลอดทัวร์นาเมนท์แล้ว

นับจากเริ่มเข้าแคมป์ แม้เริ่มกระท่อนกระแท่น แต่ อิชิอิ ได้ลองผิดลองถูก ได้ใส่แท็คติกมาเรื่อยๆ ดังนั้นน่าจะถึงเวลาที่ ช้างศึก จะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ดี

ส่วนสถิติคู่นี้ แน่นอนว่าไทยเหนือกว่า เจอกันทั้งหมด 24 ครั้ง ไทยชนะ 19 เสมอ 2 แพ้ 3

ครั้งสุดท้ายที่ไทยแพ้ ปี 1972 ที่ฟิลิปปินส์ ชนะ 1-0 จากนั้นอีก 52 ปีต่อมา เจอกัน 21 ครั้ง ไทยไม่แพ้ เสมอ 2 ชนะ 19 รวมทั้งการเจอกันล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค.ที่สงขลา

อันดับฟีฟ่าแรงกิ้ง ไทยที่ 97 โลก ส่วนฟิลิปปินส์ ที่ 150 โลก ต่างกัน 53 ขั้น

กับบอลอาเซียนคัพ จาก 14 ครั้งที่ผ่านมา ไทย เข้าชิง 10 ครั้ง เป็นแชมป์ 7 ครั้ง

11 ครั้งที่ไทยผ่านถึงรอบรองฯ มีเพียงครั้งเดียวที่ไทยไปไม่ถึงรอบชิง คือเมื่อปี 1998

ส่วนฟิลิปปินส์ ไม่เคยเข้าชิง ดีสุดคือรอบรองฯ 4 ครั้ง จอดแค่นั้นทั้งหมด หนนี้คือการตัดเชือกครั้งที่ 5

ฟุตบอลซีเกมส์ 33 ครั้ง ที่ไทยได้แชมป์ 16 ครั้ง ตัดมาฟิลิปปินส์ ไม่เคยได้แม้แต่เหรียญรางวัลเดียว และเคยเข้ารอบรองฯ แค่ครั้งเดียว

ในด้านสถิติถือว่าข่มกันมิด แต่เป็นเพียงอดีตเท่านั้น และถึงเราเป็นต่อเยอะ แต่บอลเหย้า-เยือนเชื่อว่าไม่ง่าย

แม้ ฟิลิปปินส์ ไม่ขึ้นชื่อเรื่องแฟนบอลกดดัน แต่เกมแรกไปเยือนสนามเขา วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. ยังไงก็ไม่ง่าย รูปเกมอาจอึดอัดบ้าง ก่อนจะมาเจออีกทีที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันจันทร์ที่ 30 ธ.ค.

*** วุฒินล ***