ทีมข่าวได้ลงพื้นที่บ้านพักของคุณยาย ซึ่งเป็นบ้านปูนสองชั้นเล็กๆ โดยยังคงเห็นตะกร้าพวงมาลัยของแบงค์วางอยู่บริเวณชั้นล่าง คุณยายเล่าว่าแบงค์ไม่ได้บอกว่าจะไปทำงานที่อื่น และครั้งสุดท้ายที่เจอหลานคือเมื่อสามวันก่อน เหตุการณ์นี้ทำให้เธอแทบไม่มีกำลังใจ เหลือเพียงเธอและน้าของแบงค์ที่ยังคงอาศัยอยู่ด้วยกัน ยายของแบงค์ยังบอกด้วยว่า หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เพราะไม่มีเสาหลักของครอบครัวแล้ว โดยเฉพาะเงินผ่อนบ้าน ที่ไม่รู้ว่าจะไปหามาจากที่ไหน เพราะตัวเองอายุเยอะแล้ว ไม่สามารถทำงานได้ แค่เดินยังไม่ไหว ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงเดิน และกังวลว่า หลังจากนี้บ้านจะถูกยึด จนไม่มีที่อยู่อาศัย
ในระหว่างสัมภาษณ์ คุณยายพรทิพย์สะอื้นไห้ตลอดเวลา พร้อมยืนยันว่าหลานชายเป็นเด็กดี ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขใดๆ และขอให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ส่วนบ้านเล็กๆ หลังนี้ตั้งอยู่ย่านสายไหม ยาย เล่าว่า อาศัยอยู่กับแบงค์และลูก ชายรวม 3 คนแต่ลูกชาย ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ทำงานรับจ้างรายวัน มีงานบ้าง ไม่มีบ้าง
"แบงค์" กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว มีภาระต้องหาเงินผ่อนบ้านเดือนละ 1,500-2,000 บาท จากค่าผ่อนบ้านทั้งหมด 3,500 บาท ส่วนที่เหลือยายจะนำเงินจากเบี้ยคนชรามาช่วย ขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ภายในบ้าน แบงค์จะเป็นคนดูแลทั้งหมด
ส่วนกรณีที่ แบงค์ อาจถูกชวนไปทำคอนเทนต์ ยายบอกว่า ไม่รู้มาก่อน เพราะไม่ได้เล่นโทรศัพท์ รู้แค่หลานบอกว่าทำงานหาเงินมาช่วยผ่อนบ้าน และดูแลยายเท่านั้น หากวันไหนไม่มีคนจ้างงาน จะขายพวงมาลัยหารายได้ ซึ่งเดิมวันนี้ หลานบอกว่าจะกลับมาหา แต่สุดท้ายไม่มีโอกาสกลับมา
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ จากเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยนายกัน จอมพลัง ได้เข้ามาให้กำลังใจและช่วยจัดการงานศพของแบงค์ที่วัดออเงิน โดยขณะนี้ยังคงต้องรอผลการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่น่าสลดใจครั้งนี้ต่อไป