รมว.สธ.ชูผลงานเด่นปี 67 ประกาศความสำเร็จ 30 บาทรักษาทุกที่ "ตู้ห่วงใย" บริการใกล้บ้าน คิกออฟนับคาร์บทั่วไทย นับได้แล้ว 9 ล้านราย ผลักดันร่างกฎหมายสำคัญ
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ในรอบปี 2567 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสำคัญที่ทำสำเร็จหลายนโยบาย โดยเฉพาะการต่อยอดโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค มาเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า ซึ่งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดคิกออฟเฟส 4 อีก 31 จังหวัด เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.67 ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ และจะได้ใช้บริการเต็มรูปแบบใน 1 มกราคม 2568 ถือว่าทำสำเร็จตามเป้าหมายใน 1 ปีแรก นอกจากนี้ในปี 67 เรายังได้เปิดให้บริการ “ตู้ห่วงใย” ให้ประชาชนในพื้นที่ กทม. และเตรียมขยายเป้าหมายกระจายทั่วพื้นที่และในต่างจังหวัด เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนรับบริการใกล้บ้าน ได้ปรึกษากับแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการเบื้องต้นและรับยาได้ทันที ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ช่วยลดผลกระทบการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ได้อีกด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะที่ยังมีนโยบายสำคัญที่เริ่มขับเคลื่อนในปี 67 คือ โครงการคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือNCDs เนื่องจากพบว่า NCDs ที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด ปีละ 400,000 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 1,000 ราย คิดเป็น 74 เปอร์เซ็นต์ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด คนป่วยใหม่ เพิ่มขึ้น ปีละ ราว 2,000,000 คน ปัจจุบัน มีคนป่วยในระบบการรักษา รวมๆ 33 ล้านคน ค่าใช้จ่ายโรคNCDs กว่า 130,000 ล้านบาท เป็นภาระใหญ่ของงบประมาณประเทศ จึงพยายามหาวิธีจำนวนผู้เจ็บป่วยเสียชีวิตจากโรค NCDs ก็ได้พบสูตรการนับคาร์บ ของ Harris – Benedict Equation ที่คิดค้นและทำสำเร็จมาแล้ว เป็นการคำนวณคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมกับแต่ละคน จึงนำสูตรดังกล่าว ไปสอน อสม.ทั่วประเทศ คิกออฟมาแล้ว 6 ครั้ง เริ่มที่สงขลา ตามมาด้วย นครพนม นครสวรรค์ ชลบุรี อุบลราชธานี และเชียงใหม่ตามลำดับ โดยในปี 67 อสม. นับคาร์บได้แล้ว กว่า 1,069,372 คน ประชาชนทั้งประเทศนับได้แล้ว 9,054,294 คน ตั้งเป้าปี 68 ประชาชนนับคาร์บได้ทั้งประเทศ 50 ล้านคน ถ้าประชาชนมีความรู้เรื่องนี้แล้วนำไปดูแลตัวเอง จะช่วยรัฐประหยัดค่ารักษาพยาบาลกว่า 26,850 ล้านบาทต่อปี เพราะทุกคนกินเป็นไม่ป่วย สวยหล่อ สุขภาพดี
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการผลักดันร่างกฎหมายสำคัญ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ. อสม. ร่างพ.ร.บ. สุขภาพจิต และ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข โดยร่างพ.ร.บ.อสม.อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เมื่อเห็นชอบแล้วจะมีการส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนนำเข้าสภาฯ ต่อไป โดยร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการยกระดับความมั่นคงให้พี่น้อง อสม.จะทำให้เกิด “ความก้าวหน้า มั่นคง ยั่งยืน” โดยให้มีการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการปฏิบัติงานของอสม. เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายการดำเนินงาน ช่วยเหลือ สงเคราะห์ สวัสดิการ การส่งเสริมสนับสนุน การพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับอสม. ส่วน ร่างพ.ร.บ. สุขภาพจิต เพื่อขยายให้เรื่องสุขภาพจิตรวมไปถึงยาเสพติดด้วย เพิ่มกองทุนสุขภาพจิตแห่งชาติ เพื่อให้มีกลไกการเงินมาแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตและยาเสพติดอย่างยั่งยืน ร่าง พ.ร.บ. นี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง ก่อนเสนอเรื่องให้ ครม. เห็นชอบส่งเรื่องเข้าสภาฯ ขณะที่ร่าง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขจะช่วยเพื่อแก้ปัญหาเรื่องกำลังคน ภาระงาน การกระจายบุคลากร ความก้าวหน้า และปัญหาสมองไหล ให้อำนาจกระทรวงบริหารจัดการตัวเองได้ ประชาชนจะได้รับคือการบริการที่ดีขึ้น เข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น มีหมอใกล้บ้าน ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ. อยู่ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เตรียมเสนอเข้า ครม. เพื่อเห็นชอบในหลักการ
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ประเทศเผชิญภาวะวิกฤตในสถานการณ์น้ำท่วมทั้งภาคเหนือและภาคใต้ กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้มีการระดมทีมแพทย์ ทีมMCATT เวชภัณฑ์ยาจัดขบวนคาราวาน “รถเพื่อนใจ สู้ภัยน้ำท่วม” และรถเพื่อนใจ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านสุขภาพจิตที่สำคัญของกระทรวงสาธารณสุข สามารถเข้าไปให้บริการด้านสุขภาพจิต ในพื้นที่ที่เดินทางยากลำบาก ส่งลงไปในพื้นที่ เป็นการดูแลประชาชนทั้งด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิต รวมทั้งการเข้าช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง จัดตรียมยาเพื่อแจกจ่ายให้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถขาดยาได้ แจกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ต่างๆให้ประชาชนทั่วไป อีกทั้งเฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำท่วม จนสถานการณ์คลี่คลาย เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินระดับเขต เปิดหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ จัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ เพื่อให้บริการผู้ป่วยต่อเนื่อง จนสถานการณ์คลี่คลาย อีกทั้งช่วงสถานการณ์รถบัสทัศนศึกษาจังหวัดอุทัยธานี เราก็ได้ส่งทีมแพทย์และทีม MCATT เข้าปฏิบัติหน้าที่ในทันทีเช่นกัน คณะผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ได้ร่วมใจกันทำงานหนักมาตลอดปี ก็ขอขอบคุณทุกท่าน ขอให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้บริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป